Skip to main content
sharethis

กัญจนา ศิลปอาชา  ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรฯ ลงพื้นที่ชุมชนบ่อแก้ว จ.ชัยภูมิ สั่งชะลอบังคับคดีให้ออกพื้นที่ทำกินไปก่อน 1 เดือน หวังหาแนวทางแก้ปัญหา

กัญจนา (กลาง) ขณะลงพื้นที่พูดคุยกับชาวชุมชนที่ ศาลาบ้านดินชุมชนบ่อแก้ว 

26 ส.ค.2562 ศรายุทธ ฤทธิพิณ สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานความคืบหน้าข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินที่ชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ว่า วันนี้ เมื่อเวลา 08.30 - 12.30 น. ที่ศาลาบ้านดินชุมชนบ่อแก้ว กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์และสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ชุมชนบ่อแก้ว เพื่อรับฟังปัญหาของชาวชุมชนที่จะถูกไล่รื้อถอนบ้านเรือน ออกจากพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.62)ตามคำสั่งศาลฎีกาที่มีการปิดหมายบังคับคดี 

กัญจนา กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ กรมป่าไม้ให้สัมปทานองค์การอุตสากรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ชะลอการบังคับคดีไปก่อน 1 เดือน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา เพราะจากการที่ได้รับการร้องเรียน ทราบว่าในข้อเท็จจริงนั้น ประชาชนทำกินในพื้นที่มายาวนานก่อนจะมีการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2516 ต่อมากรมป่าไม้ให้สัมปทาน อ.อ.ป. บนพื้นที่กว่า 4,401 ไร่ ปลูกสร้างสวนป่าปลูกต้นยูคาลิปตัส ทับที่ทำกินชาวชุมชน มานับแต่ปี 2521 

ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ชาวชุมชุนบ่อแก้วหลายคนต่างยื่นแสดงหลักฐานเอกสารการถือครองทำประโยชน์มาแต่การประกาศป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม พร้อมทั้งเล่าว่านับแต่ อ.อ.ป.เข้ามาดำเนินการปลูกป่า ได้มีการใช้อำนาจ จ้างผู้มีอิทธิเข้ามาบังคับ ข่มขู่ หลายราย ที่ไม่ยอมออกจากที่ทำกิน ก็ได้นำรถแทรกเตอร์มาดันไถที่ไร่นาของชาวชุมชน บางราย เช่น วัก โยธาธรรม ได้ถูกเจ้าหน้าที่นำวัตถุระเบิดไปฝังไว้ที่ใต้โอ่งในบ้านของเขา และจากนั้นได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร มาจับกุมและดำเนินคดีข้อหามีอาวุธสงครามไว้ครอบครอง ท้ายที่สุดจนต้องออกนอกพื้นที่ และต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมมาตลอด จนในช่วงปี 2547 ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งมีการประชาคทุ่งพระ โดยมีมติที่ประชุมว่า อ.อ.ป.ปลูกสร้างสวนป่าทับที่ทำกินชาวชุมชนจริง ให้ยกเลิกสวนป่าคอนสาร และคืนที่ดินทำกินให้ชาวชุมชน แต่การดำเนินการแก้ไขปัญหา อ.อ.ป.ไม่ปฏิบัติตามแต่อย่างใด และเป็นไปอย่างล่าช้ามาก จนชาวบชุมชนที่เดือดร้อนกว่า กลับเข้ามายึดพื้นที่ที่เคยทำกิน 96 ไร่ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.52

ขบวนการอีสานใหม่ New Isan Movement รายงานด้วยว่า ยืนยันจากปาก "สมศักดิ์ วิเชียรชัยชาญ" ผอ. อ.อ.ป. ว่า วันที่ 27 สิงหาคมนี้จะยังไม่บังคับคดีชาวชุมชนบ่อแก้ว จ.ชัยภูมิ แต่จะเลื่อนออกไปตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ร้องขออีก 30 วัน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

รายงานข่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า ภายหลังจากที่ กัญจนาเดินทางมาถึง นิด ต่อทุน ตัวแทนชาวชุมชนบ่อแก้วที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีและได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือให้หลายหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาให้ ได้บอกเล่าถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวชุมชนให้กัญจนาทราบโดยระบุว่า พื้นชุมชนบ่อแก้วนั้นเป็นพื้นที่ที่ชาวชุมชนได้อยู่ทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษตั้งแต่ปี พ.ศ.2496 จนกระทั่ง ปีพ.ศ.2516 รัฐบาลได้ประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภูซำผักหนามทับที่ทำกินของชาวชุมชนและองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป.ก็ได้ เข้ามาดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร เนื้อที่ 4,401 ไร่ โดยได้นำไม้ยูคาลิปตัสมาปลูกเป็นแปลงป่าและฟ้องร้องขับไล่ชาวชุมชนให้ออกจากพื้นที่ทำกินของตนเอง โดยขณะนี้มีชาวชุมชนซึ่งเป็นผู้เดือดร้อนกว่า 103 ราย ซึ่งชาวชุมชนเหล่านี้ถือครองที่ดินทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ปุ่น พงษ์สุวรรณ ตัวแทนชาวชุมชนกล่าวกับ กัญจนา ด้วยว่า ตนสู้เรื่องนี้มายาวนาน เดินทางไปกรุงเทพบ่อยครั้งมาก จนตอนนี้จะสู้ไม่ไหวแล้ว เรามีมติแล้วว่าให้ยกเลิกสวนป่าคอนสาร ที่ทับที่ทำกินของชาวชุมชน ซึ่งทุกคนทุกรัฐบาลก็เห็นเหมือนกัน แต่ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป.ก็ไม่ยอม แล้วยังสั่งฟ้องบังคับคดีพวกตนด้วย ทำให้พวกตนไม่ได้ทำมาหากินอะไรเลย มีแต่สู้อย่างเดียว และลูกหลาน ก็อดๆอยากๆ การทำงานของเราก็ไม่เป็นปกติ ทุกข์ทรมานมาก จนไม่มีอะไรที่ทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้แล้ว จึงอยากให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาพวกเราให้จบสิ้นโดยเร็ว อย่าให้พวกตนไปติดคุกติดตาราง เพราะข้อเท็จจริงทุกอย่างชัดเจนแล้ว

นอกจากนี้แล้วยังมีชาวชุมชนจำนวนมากที่เป็นผู้เดือนร้อนได้นำเอกสารหลักฐานการสิทธิทำกินมาให้น.ส.กัญจนาได้รับทราบด้วย หลังจากรับฟังคำบอกเล่าจากชาวชุมชนแล้ว กัญจนา ได้ตอบกลับชาวชุมชนว่า เป้าหมายที่มาในครั้งนี้ อยากให้ชาวบ้านทุกคน อยู่กับป่าได้อย่างมีความสุข ภาครัฐเคยสัญญาอะไรไว้ก็ให้ว่าเป็นแบบนั้น ถ้าเราเคยอยู่มาก่อน แล้วมีการประกาศป่าสงวนทับที่ดินทำกินของเรา ถ้าจะมีการไล่เราอย่างไม่เป็นธรรม ถือว่าไม่ถูกต้อง ส่วนตัวเคยพูดเสมอว่า รัฐบาลที่ดีต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชน ไม่นำความดือดร้อนมาให้ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย จะให้เราออกไปอย่างไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ที่เป็นน้องชาย ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อเดือนที่ผ่านมา เป้าหมายแรกที่ต้องการทำคือการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนที่ยากจน และชาวชุมชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และในขณะเดียวกันต้องรักษาผืนป่าไปด้วย ซึ่งเราได้ตั้งคณะทำงาน ของรัฐมนตรีขึ้นมา ซึ่งจะเป็นผู้ทำงานลงลึกในแต่ละด้าน รวมทั้งดูแลปัญหาที่ดินทำกินของประชชาชนด้วย ซึ่งจะมีการประชุมครั้งแรกวันที่  30 ส.ค. นี้ ปัญหาชาวชุมชน คอนสาร ก็จะนำเข้าที่ประชุมด้วย และจะมีคณะย่อยลงมาพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน  เบื้องต้นยืดเวลาออกไปอีก 1 เดือน ระหว่างนี้ก็จะแก้ปัญหาให้ชาวชุมชนไปด้วย นี่คือเป้าหมายและเจตนารมณ์ที่มาในวันนี้

ปราณม สมวงศ์ ตัวแทนจากองค์ Protection Internationnal ทีทำงานด้านการปกป้องและคุ้มครองนักปกป้องเสิทธิมนุษยชนกล่าวภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นว่า ถึงแม้ที่ปรึกษาคณะทำงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  จะแจ้งให้ทราบว่า มีการชะลอการบังคับคดีออกไป แต่การบังคับคดี ยังอยู่ที่สำนักงานบังคับคดี  ซึ่งต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร จากโจทย์ที่ยื่นฟ้องก็คือ อ.อ.ป. ล่าสุด อ.อ.ป. ยังไม่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ไปยัง กรมบังคับคดี ตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่ออย่างใด ดังนั้น ชีวิตชาวชุมชนบ่อแก้ว จึงยังมีความไม่แน่นอน

ขณะที่ ปราโมทย์ ผลภิญโญ ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่า หลังจากนี้ เราจะดำเนินการ 2 ส่วน โดยวันพรุ่งนี้เราจะจัดกำลังเฝ้าระวังจนกว่าจะมีความมั่นใจ ว่าอ.อ.ป.ประสานไปยังกรมบังคับคดี ที่มีลายลักษณ์อักษรชัดเจน และภายใน 1 เดือนนี้ ที่น.ส.กัญจนา ให้คำมั่นกับชาวชุมชนว่า จะมีการเลื่อนบังคับคดี พร้อมทั้งตั้งชุดทำงานมาศึกษาเรื่องนี้ เราก็จะนำแผนการจัดการที่ดินชุมชน 830 ไร่ ที่เราเคยแสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาตัดสินใจ ซึ่งชาวบ้านที่เดือดร้อน จะติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป และอยากเชิญชวนทุกท่านมาให้กำลังใจชาวบ้านในวันพรุ่งนี้ที่จะยังปักหลักเฝ้าระวังในชุมชนต่อไปด้วย

สำหรับข้อพิพาทระหว่างชาวชุมชุนบ่อแก้ว กับ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อ.อ.ป.ที่ชุมชนถูกปิดหมายบังคับคดีบุกรุกพื้นที่ป่าให้ชาวชุมชนออกจากพื้นที่ภายใน 27 ส.ค.นี้ เริ่มจาก ภายหลังจากการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม เมื่อปี 2516 ต่อมานับแต่ปี 2521 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อ.อ.ป.เข้ามาดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร (สวนป่ายูคาลิปตัส)ตามเงื่อนไขสัมปทานป่าไม้ จำนวนทั้งสิ้น 4,401 ไร่ ซึ่งข้อเท็จนั้น อ.อ.ป.ได้เข้ามาดำเนินการปลูกทับที่ดินทำกินของชาวชุมชนส่งผลให้ชาวชุมชนถูกอพยพออกจากที่ดินทำกิน และได้รับความเดือดร้อนกว่า 277 ราย

แต่ในทางปฏิบัติ ทาง อ.อ.ป.ไม่ดำเนินการคืนที่ดินทำกิน ต่อมาชาวชุมชนจึงได้ร่วมกันเข้ามายึดที่ดินทำกินเดิมกลับคืนมา ในวันที่ 17 ก.ค. 2552 ได้จำนวน 96 ไร่ และจัดตั้งเป็นชุมชนบ่อแก้ว ขึ้นมา เพื่อรอคำตอบและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เป็นเหตุให้ อ.อ.ป.หาข้ออ้างยื่นฟ้องดำเนินคดีกับชาวชุมชนจำนวน 31 คน กระทั่งเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2562 ศาลฏีกาพิพาทษายืนตาม ให้จำเลยทั้ง 31 ราย พร้อมบริวาร ออกจากพื้นที่ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2562 เจ้าหน้าที่ อ.อ.ป.ป่าไม้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเข้ามาปิดหมายบังคับคดีให้ชาวชุมชนบ่อแก้ว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผลอาสิน และให้ออกจากที่ดินทำกินและอยู่อาศัย ภายในวันที่ 27 ส.ค. นี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net