อนุสรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานเตรียมการเพื่อจัดตั้งเครือข่ายภาคีเพื่อการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ออกคำชี้แจงหวังรณรงค์ให้สาธารณะเข้าใจว่า ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ ในเบื้องต้น ส่วนเนื้อหาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนไหนค่อยหารือกันภายหลังหลังจากมีการเปิดช่องและเปิดกว้าง ฯลฯ
(แฟ้มภาพ)
29 ส.ค.2562 จากกรณีที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยภาคประชาสังคมจับมือสร้างภาคีเครือข่ายแก้รัฐธรรมนูญพร้อมตั้งกรรมการชุดใหญ่นั้น ล่าสุด อนุสรณ์ ธรรมใจ ในฐานะประธานคณะทำงานเตรียมการเพื่อจัดตั้ง “เครือข่ายภาคีเพื่อการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน” ได้ออกคำชี้แจงต่อสาธารณชน ถึงการก่อตัวของการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน
โดยมีรายละเอียดคำชี้แจงดังนี้
คำชี้แจงต่อสาธารณชน
การก่อตัวของการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน
29 ส.ค. 2562
ผมขอสร้างความเข้าใจเพิ่มเติมจากการชี้แจงของ รศ. สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต ที่ได้โพสต์ข้อความลงใน facebook พูดถึง การหารือของภาคประชาสังคม นักวิชาการ องค์กรประชาธิปไตย ผู้นำทางการเมือง ซึ่งท่านอาจารย์สมชัย และ ผมได้ร่วมหารืออยู่ด้วย และที่ประชุมได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานคณะทำงานเตรียมการเพื่อจัดตั้ง “เครือข่ายภาคีเพื่อการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน” การชี้แจงของผมต่อสาธารณชนครั้งนี้เป็นไปเพื่อแสวงหาความร่วมมือประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลายจะได้ร่วมกันผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่คุณภาพชีวิตและปากท้องที่ดีขึ้นของประชาชนผ่านการร่วมกันสร้างกติกาสูงสุดใหม่หรือรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
แนวทางการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ต้องสร้างฉันทามติในสังคมร่วมกันในการเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับการสร้างฉันทามติในการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญปี 2540 (ฉบับประชาชน) เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยจึงต้องไม่วางเฉยต่อภาวะหรือการกระทำใดๆที่ทำให้ประเทศไทยต้องถอยหลังทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งคุณธรรมจริยธรรมและวัฒนธรรมอันดีงาม การร่วมกันรณรงค์และเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นภารกิจสำคัญต่ออนาคตของประเทศและลูกหลานของเราทุกคน และ จำเป็นต้องอาศัยความเสียสละ อาศัยทัศนะเชิงสร้างสรรค์และปรองดองสมานฉันท์ อาศัยความเปิดกว้าง ของทุกภาคส่วน
องค์กรภาคีเครือข่ายพร้อมหารือกับคณะผู้บริหารประเทศและสมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านอิสระ ฝ่ายรัฐบาลอิสระ เพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ในการเปิดช่องทางในการแก้ไขเนื้อหารัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ทำให้อำนาจเป็นของประชาชน ทำให้เสียงของประชาชนมีความหมาย
การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขด้วยกรอบคิดทางด้านรัฐศาสตร์ ไม่ติดกรอบทางด้านนิติศาสตร์หรือกับดักที่ คณะ คสช ได้วางแผนการสืบทอดอำนาจเอาไว้ ในเบื้องต้นได้มีการหารือในที่ประชุมภาคประชาสังคม นักวิชาการ องค์กรประชาธิปไตย ผู้นำทางการเมืองจากหลากหลายพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีข้อสรุปเบื้องต้น คือ
- เสนอให้จัดตั้งองค์กรประสานงานทุกภาคส่วนในรูปแบบองค์กรภาคีเครือข่ายเพื่อให้ทำงานร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูปจากระบอบกึ่งประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่จะได้ช่วยกันร่างขึ้น โดยในเบื้องต้น ที่ประชุมได้เสนอให้ รศ. ดร. โคทม อารียา เป็นประธานองค์กรภาคีเครือข่ายที่จะจัดตั้งขึ้น โดยให้ผมเป็น ประธานคณะทำงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งองค์กรภาคีเครือข่ายและกำหนดกิจกรรมรณรงค์ในช่วงแรก
- ประสานความร่วมมือมายังองค์กรและเครือข่ายต่างๆที่มีจุดยืนร่วมกันเพื่อประชาธิปไตยและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- สื่อสารเพื่อให้สังคมเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆและปัญหาเศรษฐกิจ
- ประสานองค์กรตามกฎหมายให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศ Roadmap ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ประกาศเอาไว้ในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา
- คณะกรรมการชุดนี้จะรณรงค์ว่า ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนเนื้อหาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนไหนค่อยหารือกันภายหลังหลังจากมีการเปิดช่องและเปิดกว้างให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว และ การแก้ไขมาตราต่างๆของรัฐธรรมนูญเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
- ผลักดันให้เกิดการลงประชามติ (หรือ มติประชาชน) ในการแก้ไขมาตรการที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ใช้รูปแบบ สสร ตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 (แต่ครั้งนี้หลายภาคส่วนเสนอว่าให้ สสร มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน) โดยให้มีการกำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นอย่างชัดเจน
กิจกรรมการรณรงค์ทั้งหลายก็เพื่อให้กำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนตามสัญญาประชาคมและรัฐบาลจะแก้ปากท้องไม่ได้ การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจจึงต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะติดขัดจากความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลจากระบบการเลือกตั้งที่บิดเบือนเจตนารมณ์ประชาชน
จึงขอชี้แจงต่อสาธารณชนเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน
ด้วยความเชื่อมั่นต่อหลักการประชาธิปไตยและเคารพต่ออำนาจของประชาชน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ
ประธานคณะทำงานเตรียมการเพื่อจัดตั้ง “เครือข่ายภาคีเพื่อการรณรงค์และเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน”
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)