Skip to main content
sharethis

ผกก.สภ.ท่าแซะ สั่งดูแลความปลอดภัยครอบครัว 'บุญแทน บุษราคัม' อดีตเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หนึ่งในทีมจับกุม 'บิลลี่' หลังลงบันทึกประจำวันถูกข่มขู่คุกคามพร้อมขอให้ตำรวจคุ้มครอง ด้านกรมอุทยานแห่งชาติฯ ยืนยันเจ้าหน้าที่อีก 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวบิลลี่ ยังอยู่ไม่ได้หายตัวไปไหน พร้อมรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ใหม่ตามกำหนด

8 ก.ย. 2562 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนการหายตัวไปของ นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตรวจจับมีน้ำผึ้งป่า หลังถูกปล่อย นายบิลลี่ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 จนถึงปัจจุบันนาน 5 ปี จนกระทั่ง ดีเอสไอได้มาพบหลักฐานชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน ถูกนำไปทิ้งถ่วงน้ำไว้ใต้สะพานแขวน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2562 นางลัดดาวรรณ บุษราคัม อายุ 32 ปี บ้านอยู่ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ภรรยาของ นายบุญแทน บุษราคัม อดีตพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ ที่หายตัวตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวานนี้ (7 ก.ย.) ได้นำคลิปเสียงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อ พ.ต.ท.สมบูรณ์ พุ่มจร สว. (สอบสวน) สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่ามีผู้ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มาที่ผู้แจ้งเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2562 ช่วงเวลา 11.00 น. ได้พูดข่มขู่และเกลี้ยกล่อมให้บุญแทนไปเป็นพยานให้แก่หน่วยดีเอสไอ โดยดีเอสไอจะมีเงินเดือนให้และคุ้มครองความปลอดภัยให้ ถ้าไม่มาจะไม่รับรองความปลอดภัย

ต่อมา วันที่ 4 ก.ย. 2562 ผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นี้ได้ไปที่บ้านบิดา มารดา ของผู้แจ้งความ และมีการข่มขู่ ซึ่งทำให้บิดา มารดา ของผู้แจ้งเกิดอาการกลัว ผู้แจ้งความจึงมาให้พนักงานสอบสวนลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยังไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อผู้ข่มขู่ แค่อยากให้แจ้งจะได้มีบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและมีการส่งหลักฐานซีดีบันทึกเสียง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 15 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

ด้าน พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผู้จัดการออนไลน์ทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่นางลัดดาวรรณ บุษราคัม อายุ 32 ปี มาแจ้งความลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และขอกำลังคุ้มครองความปลอดภัย ซึ่งตำรวจจะต้องดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนทุกคนอยู่แล้ว จึงได้สั่งการให้ตำรวจไปติดตั้งตู้แดงที่บ้านของ นางลัดดาวรรณ เป็นกรณีพิเศษแล้ว พร้อมกับให้รถยนต์สายตรวจ รถจักรยานยนต์สายตรวจ ออกตรวจเป็นระยะๆ ตามวงรอบตลอดทั้งกลางวันกลางคืน พร้อมกับให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือสายตรงที่สามารถโทร.หาตนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่นางลัดดาวรรณ

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยืนยันเจ้าหน้าที่อีก 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวบิลลี่ ยังอยู่ไม่ได้หายตัวไปไหน

สำนักข่าวไทย รายงานวันเดียวกันนี้ (8 ก.ย.) ว่าหลังจากมีคำสั่งจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ย้ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจควบคุมตัวนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิบ้านบางกลอย อุทยานแห่งชาคติแก่งกระจาน เมื่อปี 2557 โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะนั้น 4 นาย คือ นายเกษม ลือฤทธิ์ หน.หน่วยพิทักษ์เขามะเรว ย้ายไปปฎิบัติงานที่สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ, นายไพฑูรย์ แช่มเทศ จากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ย้ายไปปฎิบัติราชการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี), นายบุญแทน บุษราคัม ปฏิบัติหน้าที่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากรมหลวงชุมพรฯ ย้ายไปปฎิบัติราชการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี, ส่วนนายกฤษณพงศ์ แช่มเทศ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ ทั้งข้าราชการประจำ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ ที่ได้รับคำสั่งโยกย้ายตามคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะต้องย้ายไปปฏิบัติหน้าที่แห่งใหม่ภายในระยะเวลา 15 วัน นับตั้งแต่มีหนังสือคำสั่งโยกย้าย ซึ่งเป็นไปตามระเบียบราชการให้เจ้าหน้าที่มีเวลาในการเตรียมตัว เอกสาร ข้าวของเครื่องใช้สำหรับการทำงานในที่ที่ย้ายไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทั้งหมดยังมีตัวตนไม่มีการหายตัวไปแต่อย่างใด ส่วนนายกฤษณพงศ์ แช่มเทศ อดีตเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานซึ่งได้ลาออกไปก็จะไม่มีผลในคำสั่งนี้ เนื่องจากเป็นประชาชนบุคคลทั่วไปแล้ว ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่บางนายมีข่าวว่าครอบครัวถูกคุกคามข่มขู่จากผู้ไม่หวังดี และได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่แล้ว จะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะพิจารณาในการให้การคุ้มครองความปลอดภัยต่อไป

ขณะที่นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ได้แจ้งหรือมีหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอความร่วมมือ หรือกล่าวถึงว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดในคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่แต่อย่างใด โดยกระทรวงฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการหาข้อเท็จจริง หากผิดจริงหรือดีเอสไอชี้มูลความผิดจะมีการดำเนินการตามระเบียบของกระทรวงหรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไปแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net