ปกป้องพุทธศาสนาหรือปกป้องวัฒนธรรม

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

การที่พุทธบริษัทออกมาปกป้องพุทธศาสนาไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนจากคนที่ไม่เคารพในพระรัตนตรัยที่ชาวพุทธเคารพนับถือนั้นเป็นหน้าที่ที่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อสาวกของพระองค์สามารถข่มขี่ปรัปวาทหรือตอบโต้กับความเห็นที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระธรรมวินัย โดยอาศัยภูมิปัญญาและความฉลาดในหลักธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ ก็จะทำให้พระธรรมวินัยมั่นคง

แต่การปกป้องพุทธศาสนาในแบบที่ปรากฏในวิถีชีวิตของพุทธศาสนิกชนที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หลังสมัยพุทธกาลนั้น มักใช้วิถีแห่งอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ คืออาศัยการปกป้องจากกษัตริย์ ผู้มีอำนาจในยุคสมัย โดยการทำให้กษัตริย์หันมานับถือพุทธศาสนา ความมั่นคงย่อมเกิดขึ้นได้ แต่การปกป้องพุทธศาสนาในแบบที่ใช้ความรู้ความสามารถทางธรรมและการถกเถียงนั้นก็มีอยู่จริงดังกรณีพระนาคเสนกับพระยามิลินท์ ในหนังสือ”มิลินทปัญหา” ที่กลายเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของพุทธศาสนามาจนปัจจุบัน การปกป้องพุทธศาสนาโดยใช้ภูมิปัญญาและความเข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องถ่องแท้จริงเป็นวิธีการปกป้องที่ยั่งยืนกว่าการปกป้องด้วยการใช้อำนาจจัดการ

ในธรรมบท มีคนพยายามสร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ พระอานนท์ถึงกับเสนอให้พระพุทธเจ้าย้ายไปจำพรรษาที่เมืองอื่น แต่พระพุทธเจ้าบอกให้สงบนิ่งไม่ต้องโต้ตอบต่อคำกล่าวร้ายเหล่านั้นแล้วทุกอย่างก็จะดำเนินไปตามวิถีของมัน จบลงโดยที่พระองค์ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนใดๆ พระองค์ตรัสว่า พระองค์เปรียบเหมือนช้างใหญ่ที่เข้าสู่สงคราม ย่อมจะต้องถูกหอกและธนูพุ่งมาเสียบ สิ่งที่ช้างต้องทำในสภาวะเช่นนั้นก็คืออดทนต่อความเจ็บปวดที่มาจากหอกดาบและธนูให้ได้ หมายความว่า การดำรงอยู่ในสังคมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องผญจกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ การเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดหรือสิ่งที่ไม่ชอบใจอย่างไรต่างหากที่จะบอกว่า คุณเป็นช้างที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีเพื่อให้เข้าสู่สนามรบหรือไม่

ในพระวินัยปิฎก เราได้เห็นเรื่องราวที่เป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนามากที่สุดคือ ปฏิบัติการของพระเทวทัต ทั้งลอบสังหารพระพุทธเจ้าโดยการส่งนักแม่นธนูไปซุ่มยิงตามจุดต่างๆ พร้อมกับวางแผนฆ่าตัดตอนมือสังหารที่ส่งไปอีกต่างหาก ทั้งด้วยการปล่อยช้างนาฬาคีรีไปทำร้ายขณะที่บิณฑบาต กล่าวหาพระพุทธเจ้าในที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งการหลอกล่อพระบวฃใหม่จำนวนมากให้เลิกติดตามพระพุทธเจ้า มีบางเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัว มีบางเรื่องเกี่ยวข้องกับสงฆ์และประชาชนพลเมือง ในกรณีที่เป็นเรื่องส่วนตัวของพระองค์กับพระเทวทัต เราไม่ได้เห็นแม้การปกป้องตนเองของพระพุทธเจ้า ในลักษณะที่เป็นการใช้อำนาจโต้กลับด้วยความรุนแรง อย่างน้อยแม้ไม่อาจทำได้โดยอาศัยบ้านเมือง (เพราะพระเจ้าอชาตศัตรู – เป็นผู้อุปถัมภ์พระเทวทัตอยู่ในขณะนั้น) ได้ แต่หากพระองค์มีอิทธิปาฏิหาริย์จริง ก็อาจทำได้โดยอาศัยฤทธิ์บางอย่าง เรื่องเล่าบอกว่าพระพุทธเจ้าใช้ปาฏิหาริย์ในการแก้ปัญหาการลอบสังหารพระองค์โดยทำให้นักแม่นธนูกลับใจ ทำให้ช้างนาฬาคีรีหายตกมันด้วยเมตตาธรรม แต่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าใช้อำนาจบีบบังคับให้พระเทวทัตยอมสยบ พระองค์เพียงแต่เรียกมาตำหนิ โอวาทและว่ากล่าวตามสมควร ผลก็คือพระเทวทัตไม่ฟัง ไม่ยอมรับ และสร้างผลกระทบในทางเสียหายแก่พลเมืองและคณะสงฆ์ต่อไปด้วยการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่พระพุทธเจ้า ทำตัวหรูหราจนชาวเมืองตำหนิติเตียนคณะสงฆ์

พระพุทธเจ้าทรงทำการปกป้องพระสงฆ์ 2 วิธีด้วยกัน คือ (1) ทรงแยกพระเทวทัต ผู้ชึ่งประพฤติชั่วร้ายอย่างชัดแจ้ง ออกจากพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรประกาศแก่ประชาชนในเมืองราชคฤห์ให้ทราบทั่วกันว่า พระเทวทัตกระทำการใดๆ ก็ตาม ให้ถือว่าเป็นความต้องการส่วนตัว ไม่ได้รับการยินยอมหรือเห็นชอบจากคณะสงฆ์ (2) ในกรณีที่มีการล่อลวงพระใหม่ให้หลงเชื่อ พระพุทธเจ้าทรงส่งพระสารีบุตรไปทำความเข้าใจกับพระที่หลงผิดเดินทางไปอยู่ในสำนักของพระเทวทัต พระสารีบุตรให้โอวาทและเทศนาธรรม (การแสดงเหตุผล / หลักการอันถูกต้อง) ให้พระเหล่านั้นเข้าใจและกลับใจ ส่วนพระเทวทัตก็ยังคงใช้ชีวิตของตนต่อไป

ในกรณีที่ฆราวาสทำความเสียหายแก่พระสงฆ์ มีกรณีที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ลงโทษฆราวาสจริงๆ ได้แก่ กรณีที่มีเจ้าองค์หนึ่งไปกล่าวหาว่าพระอรหันตเถระรูปหนึ่งข่มขืนภิกษุณี ทั้งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง กรณีนี้ พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ลงโทษฆราวาสหรือเจ้าดังกล่าวได้ด้วยการคว่ำบาตร คือการให้สงฆ์งดไปมาหาสู่ งดคบค้าสมาคม งดรับทักษิณาทานจากเจ้าองค์นี้ ในที่สุด เมื่อเจ้าองค์นี้ทนไม่ได้ รู้ความผิดตน สำนึกแล้วจึงขอขมาโทษต่อพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงให้อภัยโทษ

เราพบว่า การอนุญาตให้สงฆ์ลงโทษฆราวาสในกรณีนี้มีลักษณะเฉพาะมากๆ กล่าวคือ (1)  ผู้ทำผิด เป็นฆราวาสที่ให้ความเคารพนับถือต่อพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ แต่เพราะต้องการช่วยหลือภิกษุที่ตนคุ้นเคย จึงไปกล่าวหาพระอรหันต์ผู้แจกจ่ายกิจนิมนต์รับภัตตาหารอย่างเที่ยงธรรม (2) ผู้ทำผิดได้สร้างความเสียหายอย่างชัดเจนแก่ผู้บริสุทธิ์ มีผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง (3) ในกระบวนการจัดการ มีการสอบสวนต่อหน้าสงฆ์ว่าพระที่ถูกกล่าวหานั้นมีความผิดจริงหรือไม่ เมื่อสอบสวนพบว่าไม่ได้ทำผิดตามข้อกล่าวหา ผู้กล่าวหาซึ่งบัดนี้กลายเป็นทำความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผู้บริสุทธิ์ ก็ควรได้รับการลงโทษโดยยุติธรรม เพราะการไม่ลงโทษเมื่อมีการทำผิดจะทำให้คนผิดไม่รู้สำนึก แล้วจะก่อความเสียหายแก่ผู้อื่นได้อีก

เราอาจเรียนรู้กระบวนการจัดการกับสิ่งที่อาจส่งผลเสียหายแก่คณะสงฆ์โดยรวมหรือเฉพาะบุคคลที่เป็นสมาชิกของสงฆ์ได้ดังนี้ (1) การป้องกันความเสียหายแก่สงฆ์ ไม่จำเป็นต้องมีการใช้อำนาจคุกคามให้ยอมรับความผิด แต่อาศัยการแนะนำ ให้โอวาทหรือสั่งสอนให้เข้าใจถูกต้อง พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าอำนาจขอบเขตของสงฆ์มีมากแค่ไหน ทรงรู้ขอบเขตของพระองค์เองว่าจะทรงจัดการได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งกรณีนี้เราจะเห็นทรงจำกัดการใช้อำนาจไว้แต่เพียงภายในคณะสงฆ์ที่พระองค์ทรงมีอำนาจควบคุมโดยตรงเท่านั้น อำนาจของพระพุทธเจ้าไม่ได้แผ่กระจายไปเหนือวิถีชีวิตพลเมืองทั่วไป แต่คณะสงฆ์หรือชาวพุทธในปัจจุบันมักไม่ค่อยสนใจขอบเขตอำนาจที่ตนพึงมี มักคิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือพลเมืองของรัฐ ราวกับอยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราฃย์ที่อำนาจสงฆ์ผูกกันอย่างแน่นแฟ้นกับอำนาจของกษัตริย์ (2) ฆราวาส ผู้ถูกลงโทษเป็นผู้ยอมรับอำนาจของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์อยู่แล้วแต่หลงผิดไปก่อความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์ ถูกดำเนินการเพื่อให้ผู้ทำผิดโดยสร้างความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์ลอยนวล แต่การลงโทษในกรณีที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้สงฆ์เป็นผู้ดำเนินการ ก็เพียงแต่ระงับความสัมพันธ์กับฆราวาสผู้นั้นเท่านั้น ไม่ได้มีการคุกคามด้านอารมณ์ความรู้สึกหรือบีบบังคับในทางกายภาพหรือการใช้กำลังให้ยอมรับสารภาพผิด หรือขอขมาโทษโดยมองไม่เห็นความผิดของตน

นึกถึงกรณีต่างๆ ที่ชาวพุทธจำนวนหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพุทธศาสนาและศรัทธาของตนเอง เช่น กรณีภาพวาดพระพุทธรูป-อุลตร้าแมน หรือกรณีภิกษุสันดานกาเมื่อหลายปีที่แล้ว มักจะพบว่า (1) การปกป้องพุทธศาสนาของชาวพุทธจะเกิดขึ้นทันทีในกรณีที่มีเหตุการณ์ “ละเมิด” จารีตบางอย่าง ที่ชาวพุทธยึดถือ เช่น ภาพวาดที่อาจมีผลกระทบต่อสถานภาพของพระสงฆ์ (กรณีภิกษุสันดานกา) หรือ ภาพวาดที่อาจมีผลกระทบต่อศรัทธาอันเกี่ยวเนื่อง (ไม่ใช่โดยตรง) ต่อพระพุทธเจ้า คือการวาดพระพุทธรูปปางที่แปลกประหลาดไม่เคยมีในจารีตเดิมมาก่อน (2) แต่การละเมิดจารีตที่บรรดาชาวพุทธออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง มักเป็นการละเมิดจารีตที่กระทำโดยคนไร้อำนาจทางสังคม เป็นคนเล็กคนน้อย (3) เมื่อเทียบกับกรณีที่มีการละเมิดจริยธรรมอย่างแท้จริงในสังคมไทย ชาวพุทธจะไม่เดือดร้อนต่อการละเมิดศีลธรรมเหล่านั้น แม้ว่าตนเองจะเรียกร้องพร่ำสอนจริยธรรมอยู่ทุกวันพระหรือทุกครั้งที่มีพิธีกรรมทางศาสนา มันชวนให้สังคมเข้าใจว่า ชาวพุทธเจ้าเดือดร้อนก็เฉพาะเมื่อมีเรื่องกระทบต่อผลประโยชน์หรือสถานภาพของตนเท่านั้น ส่วนความผิดทางศีลธรรมใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางศาสนาหรืออำนาจทางศาสนาของตนก็ไม่เคยจะเดือดร้อน ซึ่งกรณีแบบนี้ต่างหากที่จะสั่นคลอนศรัทธาที่ผู้คนมีต่อสถาบันพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

ท้ายที่สุด ควรจะกล่าวว่า การปกป้องตนเองในทางศาสนาที่กระทำอย่างชอบธรรมนั้นไม่ผิด การปกป้องศรัทธาทางศาสนาของตนเองก็ย่อมเป็นสิทธิของผู้นับถือ แต่การปกป้องจะต้องไม่เป็นการละเมิดหรือคุกคามต่อการดำรงอยู่ของผู้อื่น เช่น ใช้อำนาจรัฐหรืออำนาจสงฆ์เข้าจัดการให้ยอมรับผิด หรือสร้างความหวาดกลัว โดยที่สิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าผิดนั้นไม่แน่ชัดว่าเป็นการผิดจริงหรือไม่ หมายความว่า ในหลายกรณี ชาวพุทธได้กระทำการกล่าวหาโดยที่ไมได้มีการสอบสวนเรื่องต่างๆ ให้กระจ่างพอ รีบตัดสินว่าเลวทราม พร้อมกับใช้อำนาจคุกคามให้หยุดกระทำการ เพียงเพราะเห็นว่ากระทบกระเทือนต่อสถานภาพทางศาสนาและศรัทธาของตนเอง ทั้งที่ศรัทธาที่มีต่อบางสิ่งในศาสนาตามที่กล่าวอ้างนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักการของศาสนา หากแต่เป็นจารีตที่สร้างขึ้นภายหลัง มิได้เป็นแก่นแต่เป็นเปลือก

ขอจบด้วยคำกล่าวของอาจารย์ด้านปรัชญาที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ถ้าตัวศาสนาคือสัจธรรม การปกป้องศาสนาของศาสนิกชนก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ หรือ ไม่สามารถทำได้เพราะสัจธรรมที่ไม่มีใครทำลายหรือใครปกป้องได้ สิ่งที่ศาสนิกชนส่วนใหญ่ปกป้องกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ศาสนาแต่เป็นวัฒนธรรม

 

ที่มาภาพ: http://news.ch3thailand.com/local/99497

เผยแพร่ครั้งแรกใน: Facebook CHANNARONG BOONNOON

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท