ธรรมนัสย้ำคำเดิมไม่ได้ค้ายา ระบุอดีตเป็นเพียงฝันร้ายจากนี้ขอทำงานรักษาเสาหลักของบ้านเมือง

ส.ส.เสรีรวมไทยตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบและตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีธรรมนัสที่ออสแตรเลียอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ส่งธรรมนัสมาตอบแทน ย้ำคำเดิมไม่เคยค้ายา ตอนนั้นเป็นเด็กอายุยี่สิบกว่าจะเป็นมาเฟียขนยาได้อย่างไร ภาษาอังกฤษก็ยังพูดไม่ได้เลย เผยหลักฐานที่สื่อนำมาเปิดเผยไม่ใช่คำพิพากษา แต่เป็นการต่อรองเพื่อรับสารภาพเท่านั้น และตนถูกกันเป็นพยาน ด้าน ส.ส.เสรีรวมไทยทิ้งท้าย ถามเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่ขอให้มาเคลียร์ตัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าที่พูดมาจริงหรือไม่

11 ก.ย. 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญ) พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรศรี ได้ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ถูกจับกุมดำเนินคดีที่ประเทศออสเตรเลียในคดีขนยาเสพติดเข้าประเทศ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ตอบคำถามแทน

พล.ต.ท.วิศณุ ระบุว่า ตนต้องการถามนายกรัฐมนตรีโดยตรง แต่กลับมีการมอบหมายให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาตอบแทน จึงไม่มั่นใจว่าจะตอบคำถามได้หรือไม่ เพราะตนจะถามหาความรับผิดชอบ และการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีที่หนังสือพิมพ์ในประเทศออสเตรเลียได้เปิดเผยข้อมูลคดีขนยาเสพติด

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวว่า หากย้อนไปในช่วงที่จะมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี จะพบว่ามีข่าวของ ร.อ.ธรรมนัส ปรากฎอยู่เรื่อยๆ ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ก่อนจะมาจบที่กระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งมีข่าวว่าจะให้น้องชายมาดำรงตำแหน่งแทน แต่ที่สุดแล้ว ร.อ.ธรรมนัส ก็เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีเอง

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวว่า ตนเคยเป็นผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม ในปี 2541-2542 ช่วงนั้นได้พบกับ ร.อ.ธรรมนัส มาครั้งหนึ่ง ซึ่งเวลานั้นตนเป็นพนักงานสอบสวนในคดีร่วมกันฆ่า ดร.พูนสวัสดิ์ จิราภรณ์ บุคคลที่เคยร่วมทำคดีนี้กับคนคือ พล.ต.อ.สมศักดิ์ ตันตะพิง และ พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา โดยคดีนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาให้ฝ่ายสอบสวน จนที่สุดแล้วฝ่ายสอบสวนมีความเห็นเสนอสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อสั่งฟ้อง คดีนี้ ร.อ.ธรรมนัส ก็ได้สู้คดีไปตามกระบวนการ โดย ร.อ.ธรรมนัสระบุเองว่า เคยถูกควบคุมตัวอยู่ 3 ปี 1 เดือน จนที่สุดศาลสั่งยกฟ้อง ตนจึงให้ทนายความของพรรคไปติดตามเรื่องนี้แต่ยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนว่าคดีนี้เป็นอย่างไร

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวต่อว่า หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส ได้รับการพิจารณาให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลมีการทักท้วงถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง ซึ่ง ร.อ.ธรรมนั ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่มีการนำเข้าประเทศออสเตรเลีย แต่ที่ถูกดำเนินคดีเพราะไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา พร้อมบอกว่าตนเองถูกจำคุกเพียง 8 เดือน และหลังจากนั้นได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์ต่อก่อนจะกลับมาประเทศไทย

“แต่มาวันนี้หนังสือซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ ออกรายงานพิเศษเรื่องจากผู้ร้ายสู่รัฐมนตรี หรือจากซาตานสู่เสนาบดี ขอประทานโทษนะครับ ผมอ่านตามคำแปล ผมไม่ได้ก้าวล่วงนะครับ แต่นักภาษาศาสตร์เขาแปลมาอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นประเด็น เพราะในรายงานเฉพาะนี้ ผู้ที่รับผิดชอบรายงานเขาบอกว่า เรื่องนี้เขาได้ติดต่อท่าน ธรรมนัส ให้ชี้แจง แต่ก็ยังมีการชี้แจงเหมือนเดิมตามที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน อย่างไรตามในรายงานนี้ไปเจาะลึก และมีข้อมูลคำรับสารภาพ คำให้การของตำรวจ และมีข้อมูลการดักฟัง ซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ยืนยันว่า ท่านเกี่ยวข้องแน่นอน” พล.ต.ท.วิศณุ กล่าว

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.วิศณุ ยังไม่ทันจะได้ตั้งคำถาม สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นขอประท้วงตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 9 โดยชี้ว่า พล.ต.ท.วิศณุ ได้นำเอกสารมาอ่านให้ที่ประชุมฟังโดยไม่จำเป็น ทั้งยังเป็นเอกสารของสื่อมวลชนต่างประเทศซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอนาคต โดยหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวจะเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริง หรือข้อมูลเท็จก็ยังไม่ทราบ ขอให้ประธานสภาวินิจฉัยว่า สมควรอ่านได้หรือไม่

ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานสภา ได้วินิจฉัยว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.วิศณุ กำลังตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาโดยอ้างข้อมูลจากสื่อมวลชนจากประเทศออสเตรเลีย จึงมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนี้ ขอว่าสมาชิกอย่าเป็นหวังเพราะผู้ที่ถึงพาดพิงก็นั่งอยู่ในสภา และจะได้มีโอกาสชี้ต่อไป พร้อมระบุว่า พล.ต.ท.วิศณุ เหลือเวลาในการถามอีกเพียง 6 นาทีเท่านั้น จึงขอให้ถามเข้าประเด็น

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวต่อว่า ที่เกรินมาทั้งหมดเป็นเพียงการเกรินนำก่อนเข้าสู่เนื้อเรื่องทั้งหมด เพราะหากไม่พูดก่อนคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นก็จะไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่นี้ตนได้กล่าวถึงคำรับสารภาพของ ร.อ.ธรรมนัส ที่สื่อออสเตรเลียได้นำมาจากศาล ในเอกสารของศาลเปิดเผยว่า ก่อนเดินทางไปออสเตรเลีย มนัสได้พบกับมาเฟียใหญ่ของไทย .....

ยังไม่ทันที่พล.ต.ท.วิศณุ จะพูดต่อ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 69 โดยระบุว่า การที่ พล.ต.ท.วิศณุ นำคำสั่งศาลมากล่าวในสภา คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งศาลที่ไหน และประธานปล่อยให้มีการนำมาอ่านได้อย่างไร ได้มีการตรวจสอบหรือไม่

“การที่ผู้อภิปรายเอาคำสั่งศาลมาอ่าน ศาลไหนครับ ศาลประเทศไทย หรือศาลต่างประเทศ ผมถามท่านประธานด้วยว่า ท่านให้เขามาอ่านได้อย่างไร ท่านได้ตรวจสอบหรือไม่ ไม่อย่างนั้น ตายห่าครับ เอาเอกสารที่ไหนมาก็ไม่รู้มาพูดกัน วุ่นวายครับ ท่านเรียกเอาไปดูก่อนสิครับเป็นศาลออสเตรเลียจริงไหม แล้วท่านเคยไปออสเตรเลียไหม ท่านประธานกับผมก็เป็น ส.ส. บ้านนอกเหมือนกัน ท่านต้องเอาผู้เชี่ยวชาญนะ ไม่ใช่อึกอักก็อ้างนู้นอ้างนี่ ขอท่านปราะธานได้พิจารณาให้ชัดเจนด้วยครับ” พ.ต.ท.ไวพจน์

ศุภชัย ได้วินิจฉัยว่า ขอให้ พล.ต.ท.วิศณุ รีบสรุป และไม่ต้องอ่านตามหนังสือพิมพ์ทุกตัวอักษร

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวว่า การที่ตนอ้างเอกสารเหล่านี้ในแต่ละประโยค ก็มีคำถามว่าเชื่อได้หรือไม่ ก็น่าสนใจว่าควรจะเชื่อใครระหว่างสื่อต่างประเทศกับที่ ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ เวลานี้เชื่อว่าคนที่มีเหตุผลจะไปตรวจสอบเองได้ ตนก็เพียงแต่หยิบมาเป็นเอกสารอ้างอิง ซึ่งผู้ที่ถูกพาดพิงก็สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้

ยังไม่ทันที พล.ต.ท.วิศณุ จะพูดต่อ ศุภชัย ในฐานประธานในที่ประชุมก็ระบุว่า ไม่อนุญาตให้นำเอาเอกสารดังกล่าวมาอ่านในที่ประชุม เพราะไม่ได้มีการยื่นขออนุญาตก่อน แต่มีสิทธิที่จะสรุปเป็นประเด็นถามได้

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวต่อว่า ไทยเป็นคู่สัญญาในอนุสัญญาต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งระบุให้การลักลอบค้ายาเสพติดเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นอาญชากรรมร้ายแรง สิ่งที่ตนเองต้องการจะเสนอนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิของประเทศ กรณีเรื่องยาเสพติดนั้นเพียงแค่มีส่วนพัวพัน ก็ถือว่าบุคคลนั้นก็ถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้เข้าประเทศแล้ว

พล.ต.ท.วิศณุ ถามคำถามถึงกรณีนี้ว่า ในช่วงที่มีการจัดตั้ง ครม. มีการรายงานข่าว ร.อ.ธรรมนัส ถูกศาลออสเตรเลีย สั่งจำคุกในข้อหายาเสพติด มีผู้ทักท้วงถึงความไม่เหมาะสม และเป็นข้อห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เมื่อเรื่องปรากฎเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหล่านี้หรือไม่ และอย่างไร เหตุใดจึงไม่พบข้อเท็จจริงตามที่สื่อออสเตรเลียรายงาน หรือพบแล้วมีการปกปิด และช่วยเหลือกัน และนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มาตอบกระทู้ถามสดของพล.ต.ท.วิศณุ ซึ่งเป็นการถามในประเด็นที่เป็นเรื่องส่วนตัวของตน โดยมีการตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้วของตน

“ก่อนที่ผมจะพูดถึงประเด็นต่างๆ ขออนุญาตกลับไปเรื่องที่ท่าน พล.ต.ท.วิศณุ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2540-2541 ประเด็นคดีที่ผมถูกกล่าวหาว่า รวมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต แทบไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้ยินจากปากท่านพล.ต.ท.วิศณุ ว่าผมถูกลงโทษ ซึ่งแสดงว่าท่านไม่ได้ติดตามข่าวสารเลยว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นอย่างไร ข้อเท็จจริงในคดีนี้ ผมขอญาตอ่านใบคำคัญคดีถึงที่สุดของศาลอาญา โดยมีสาระสำคัญว่า ออกไว้เพื่อแสดงว่าคดีดำที่ 10089/2541 คดีหมายเลขแดงที่ 3404/2546 ของศาล ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ กับ ร.อ.พชร หรือธรรมนัส พรหมเผ่า จำเลยที่ 1 กับพวก เรื่องความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ ความผิดละหุโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน บัดนี้ ท่านฟังให้ดีนะครับ คดีที่ถึงที่สุดแล้ว โดยศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2546 และไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ต่อศาล ออกไว้ ณ วันที่ 4 พ.ค. 2554” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตนไม่เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดในคดีใดๆ ทั้งสิน จึงต้องการชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า คดีจบแล้ว และศาลสั่งให้ตนชนะคดี โดยไม่การลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น และไม่มีการอุทธรณ์

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า การที่พล.ต.ท.วิศณุ นำคำให้การในการรับสารภาพของตน การดักฟังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนต้องเรียนว่า ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ออสเตรเลียที่ได้ส่งอีเมลล์มาหาตนนั้น และพยายามจะขอคุยกับตน แต่ก็ไม่ทราบว่าจะคุยด้วยเหตุผลใด

“แต่นัยยะที่ไมเคิล(ผู้สื่อข่าวที่เปิดข้อมูลคดีของ ร.อ.ธรรมนัส) ประมาณว่า จะให้ผมคุยกับเขา ผมก็ตอบไปว่าผมจะคุยกับคุณเรื่องอะไร คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และคุณต้องกลับดูข่าวของคุณว่าคุณเสนอข่าวอะไรบ้าง คุณอ้างว่าเอาคำพิพากษาของศาลนครซิดนีย์ซึ่งเป็นศาลท้องถิ่น แล้วอ้างคำให้การของผม คุณอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเครื่องดักฟังผม อยากจะเรียนท่านประธานและสมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบข้อมูลว่า ผมเคยแถลงข่าวไปกับพี่น้องสื่อมวลชน โดยพี่น้องคนไทยทั้ง 77 จังหวัดได้รับทราบข้อเท็จจริงไปแล้วว่าอะไรคืออะไร ขออนุญาตกราบเรียนท่าน พล.ต.ท.วิศณุ ว่าโทษของการนำเข้า จำหน่าย การส่งออกสิ่งเสพติด ที่เรียกว่าเฮโรอีนนั้น มีโทษต่ำสุดคือ 10 ปี ส่วนโทษของเฮโรอีนที่เจ้าไมเคิลนำมาเสนอข่าวนั้นจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ผมไม่ทราบว่าท่านไม่เคยศึกษากฎหมายของประเทศออสเตรเลียหรือไง หรือแค่พูดเอามัน

ท่านครับผมเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย นครซิดนีย์ ผมมีเวลาอยู่ที่นครซิเนีย์ไม่เกิน 2 ชั่วโมง คดีนี้มันไม่มีคำพิพากษา มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า plea bargaining (การต่อรองการเพื่อสารภาพ) นั่นหมายความว่าเด็กอายุ 24-25 (อายุของ ร.อ.ธรรมนัสในเวลานั้น) เดินทางไปออสเตรเลีภาษาอังกฤษยังหูไม่กระดิก ผมจะมีปัญญาไปเป็นมาเฟียใหญ่บังการคนนั้นคนนี้ค้ายาเสพติด เด็กตัวเล็กๆ จากบ้านนอกจากจังหวัดพะเยา เดินทางไปซิดนีย์ภาษาอังกฤษยังไม่รู้เรื่องเลย มีประเด็นมาเขียนไปเยอะแยะว่า มีผู้หญิงชื่อป้า พันโทคนนั่นนี่ คุณเอาอะไรมาพูด คนไทยสองคนถูกจับกุม ก็ไปเข้ากระบวนการ plea bargaining เพราะไม่มีตังค์สู้คดี ต้องใช้ทนายอาสาของออสเตรเลีย ผมไม่เคยรับสารภาพว่าขนยา ค้ายา หรือนำเข้ายาเสพติด หากเป็นข้อเท็จจริงไปเอามาเลยว่าผมรับสารภาพตรงไหน ผมชี้แจงมาหลายครั้งแล้ว แล้วยังมาถามอีกว่าผมติดคุกแปดเดือนหรืออะไร เขาเรียกว่า plea bargaining ผมไม่ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนไต่สวนพยานอะไรเลย ซึ่งผมถึงกักขังอยู่แปดเดือน และหลังจากนั้นผมถูกส่งไปดูแลผู้ต้องขังเยาวชนที่มันเกเร ตามที่ผมเคยชี้แจง เช้าก็ออกไปทำงาน เย็นก็กลับมานอนในที่ที่เจ้าหน้าที่เขาจัดไว้ให้ ผมใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ 4 ปี

ส่วนขั้นตอนของการเจรจาต่อรองนั้น ผู้พิพากษาท้องถิ่นบอกไว้ว่าให้ผมมีหน้าที่เป็นพยานให้กับผู้ถูกกล่าวหาอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นฝรั่ง เมื่อครบ 4 ปีผมก็ยังไม่อยากกลับมาไทย อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ออสเตรเลีย แต่รัฐบาลเขามีนโยบายให้เรากลับเราก็กลับโดยไม่มีโทษติดตัวเลย ผมชี้แจงกี่ครั้งก็จะพูดอย่างนี้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่าในคดีนี้ในท้ายที่สุดผู้ต้องหาหลักที่เป็นคนต่างประเทศก็ได้รับการยกฟ้อง ตนคิดว่าจากนี้คงไม่ต้องกลับมาพูดเรื่องนี้อีก

ส่วนประเด็นสำคัญที่ว่านายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบกรณีนี้อย่างไร ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ในปี 2557 มีการเลือกตั้งทั่วไป ตนเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง อยู่บัญชีรายชื่อลำดับที่ 55 หากไม่มีการรัฐประหารตนก็จะเป็น ส.ส. ซึ่งเวลานั้นก็ไม่มีใครมาโจมตีอะไร แต่เวลานี้กลับมีการอ้างรัฐธรรมนูญ อ้างจริยธรรม ตนขอตอบแทนนายกรัฐมนตรีว่า ชีวิตตนผ่านการล้างมลทินโดยพระราชกฤษฎีกา และพระราชบัญญัติล้างมลทินมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งผู้อภิปรายก็น่าจะทราบดีว่า พระราชกฤษฎีกา และพระราชบัญญัติล้างมลทิน มีสาระสำคัญอย่างไร หรือต้องการให้ตนอยู่กับอดีต

“ผมอยู่กับปัจจุบัน และวันนี้ถือว่าโชคดีที่สุด ที่ผมได้ใช้เวทีนี้มาชี้แจงเรื่องในอดีตเมื่อ 30 ปีของผม ผมจะไม่ยอมให้อดีตมาทำลายอุดมการณ์ที่ผมตั้งใจว่าชีวิตที่เหลือของผม ผมจะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่ขนาดไหน และผมจะอยู่ในสถานะใดๆ ผมตั้งใจ ให้สัญญา และปฏิญาณกับตัวเองว่า ขอทำงานเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน ขอรักษาไว้ซึ่งเสาหลักของบ้านเมือง คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัติรย์ ผมจะไม่ยอมอยู่กับเรื่องเก่าๆ ที่เป็นฝันร้ายของผม นับจากวันนี้ฝันร้ายเหล่านี้จะต้องหายไปจากชีวิตผม และหลังจากวันนี้เป็นต้นไปหากท่านใดสงสัยในประเด็นนี้ ท่านมาถามผมส่วนตัวไป และต่อไปนี้ผมจะเอาจริงเอาจังในการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ไม่ว่ากับท่านใดก็ตามที่ได้พาดพิงถึงผม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

พล.ต.ท.วิศณุ กล่าวทิ้งทายว่า กระทู้ถามนี้ตนถามเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ ร.อ.ธรรมนัส ได้มาตอบเรื่องราวต่างๆ ในมุมของตนเอง ก็ยังคงเป็นประเด็นอยู่ว่า เรื่องของใครจริง เรื่องของใครเท็จ เพราะไม่มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความรู้หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ เป็นแต่เพียงการมาเคลียร์ตัวเองของ ร.อ.ธรรมนัส เท่านั้น แต่จะเป็นความจริงหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องไปตรวจสอบต่อไป และคิดว่าคำพิพากษานั้นคงจะมีการตีพิพม์ออกมาเร็วๆ นี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท