เมียเหยื่อกระสุนทหารสลายชุมนุมแดงปี 53 ฟ้อง 2 ทหารฆ่าคนตายโดยเจตนา

ภรรยา 'พัน คำกอง' เหยื่อกระสุนทหารจากการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ฟ้อง  2 นาย ฆ่าคนโดยเจตนา 

ที่มาภาพ ยูทูบช่อง MGR Online VDO

13 ก.ย.2562 วันนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หนูชิต คำกอง ภรรยาของ พัน คำกอง (ผู้เสียชีวิต) อาชีพขับรถแท็กซี่ ชาวจังหวัดยโสธร ซึ่งเสียชีวิตระหว่างที่ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) “กระชับวงล้อม” หรือสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 เดินทางมา พร้อม โชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ ยื่นฟ้อง นายทหารยศพันเอกและพันโท รวม 2 นาย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติหน้าที่ภายใต้บังคับบัญชาและขั้นตอนคำสั่งปฏิบัติของ ศอฉ. เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 และ 84

ทั้งนี้ศาลก็ได้รับคำฟ้องไว้ในสารบบคดีดำ อ.2429/2562 เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อที่จะพิจารณาต่อไปว่าคดีที่ฟ้องนั้นมีมูลหรือไม่

โชคชัย ระบุว่า การยื่นฟ้องคดีนี้ก็สืบเนื่องมาจากที่ก่อนหน้านี้ศาลอาญา ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการไต่สวนชันสูตรศพ ที่มีผลชัดเจนแล้วว่ากระสุนปืนที่ยิงถูกนายพัน จนเสียชีวิตนั้นมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ โดยการฟ้องคดีนี้ ตนได้เตรียมพยานบุคคลไว้หลายปากที่จะนำเข้าไต่สวนมูลฟ้องซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ หนูชิต ภรรยาในฐานะโจทก์ที่จะต้องเบิกความเองด้วย

หนูชิต คำกอง ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ที่มาวันนี้เพราะว่าการดำเนินคดีของสามีไม่คืบหน้า แม้จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลมาแล้ว แต่ยังต้องการความเป็นธรรมมากกว่านี้ เนื่องจากรายได้ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ เพราะที่เคยยื่นฟ้องร้องเรียนไปไม่มีการดำเนินการ จึงให้การฟ้องครั้งนี้ได้รับความยุติธรรม

สำหรับการเดินทางมายื่นฟ้องวันนี้ก็มีญาติของกลุ่มผู้เสียชีวิตรายอื่นๆก็ได้เดินทางมาร่วมติดตามการฟ้องคดีอาญาเองกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยยังไม่ปรากฏว่าญาติรายอื่นที่เสียชีวิตได้มีการยื่นฟ้องเป็นคดีเพิ่มเติมด้วยในวันนี้ คงมีแต่เพียงสำนวนของ พัน คำกอง เท่านั้น

สำหรับกรณีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 นายทหารทั้ง 2 นาย ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณถนนราชปรารภ ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสันจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาที่วางกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวและมีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาต้องยึดถือแนวทางและขั้นตอนตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และการใช้อาวุธให้กระทำต่อเป้าหมายที่มุ่งประทุษร้ายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น และการยิง ต้องกระทำเท่าที่จำเป็นสมควรแก่เหตุและไม่มุ่งประสงค์ต่อชีวิตและเป้าหมาย แต่นายทหารทั้งสอง  ได้ควบคุมสั่งการหรือปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา  ใช้อาวุธปืนกลที่ใช้ในราชการสงครามระดมยิงใส่รถตู้ทะเบียน ฮค 8561 กรุงเทพฯ  ซึ่งมี สมร ไหมทอง เป็นผู้ขับขี่มาตามถนนราชปรารภมุ่งหน้าแยกมักกะสันโดยเจตนาฆ่าโดยประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลถึงการกระทำว่าจะทำให้ สมร หรือผู้อื่นซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวถูกลูกกระสุนปืนเล็กกลในราชการชนิดร้ายแรงจนถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ สมรได้รับบาดเจ็บและ พัน สามีของโจทก์ซึ่งยืนอยู่หน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียม ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่อกซ้ายใต้ราวนมจนเสียชีวิต

ทั้งนี้ เมื่อ 17 ก.ย.55 ศาลอาญา รัชดา อ่านคำสั่งไต่สวนการตายของ พัน ระบุว่า พยานหลักฐานทั้งหมดชี้ว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนขนาด.223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่ร่วมกันยิงไปยังรถตู้ที่วิ่งเข้ามายังพื้นที่หวงห้ามแล้วกระสุนไปโดนผู้ตายที่ออกมาดูเหตุการณ์

เรียบเรียงจาก โปลิศนิวส์  และผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท