Skip to main content
sharethis

เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์อายุ 12,000 ปีในฮะซันเคฟ ประเทศตุรกี อาจจะต้องสาบสูญ จมอยู่ใต้น้ำเนื่องจากโครงการเขื่อนอิลิสุของรัฐบาลตุรกี ถึงแม้ว่าจะมีประชาชนในพื้นที่ประท้วงต่อต้านก็ตาม


ที่มาภาพ: Osman Altınkaya (บันทึกภาพเมื่อ ก.ค. 2560)

เมื่อฮะซันเคฟตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำไทกริส เป็นเมืองโบราณในตุรกีที่มีคนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกมีประวัติศาสตร์ย้อนไปได้ถึง 12,000 ปีที่แล้ว เมืองแห่งนี้มีถ้ำ โบสถ์ และสุสานอยู่หลายพันแห่ง แต่เมืองที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เมืองนี้ก็กำลังจะต้องจมอยู่ใต้น้ำเพราะรัฐบาลตุรกีมีแผนการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่แผ่งนี้

รัฐบาลตุรกีมีแผนการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ชื่ออิลิสุมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งโครงการเขื่อนนี้เป็นโครงการที่ทำให้เกิดข้อถกเถียง มีการต่อต้านจากผู้อาศัยในพื้นที่ฮะซันเคฟและจากนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะรักษาเมืองมรดกนับผมื่นปีนี้เอาไว้ แต่ชะตากรรมของเมืองนี้ก็เสี่ยงจะถูกปิดตายเนื่องจากรัฐบาลตุรกีได้ส่งหมายเตือนให้ผู้อยู่อาศัยอพยพย้ายออกจากพื้นที่ได้จนถึงวันที่ 8 ต.ค. นี้

กลุ่มผู้ต่อต้านเขื่อนอิลิสุเคยพยายามยื่นเรื่องนี้ต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปจากสาเหตุเรื่องที่เขื่อนนี้จะทำลายแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศตุรกีแต่การร้องเรียนของพวกเขาก็ไม่เป็นผล

กรณีการสร้างเขื่อนหลายแห่งในตุรกีมีการสำรวจพื้นที่จากรัฐบาลมาตั้งแต่ราว 60-70 ปีก่อนหน้านี้แล้ว และโครงการเขื่อนอิลิสุนี้ก็สร้างการโต้ย้งเสมอมา ทางการประเมินว่าถ้าหากสร้างเขื่อนแหล่งนี้เสร็จสิ้นจะสามารถทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ 4,200 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

อย่างไรก็ตามเขื่อนอิลิสุจะทำให้พื้นที่ชุมชน 199 แห่งในเมืองตกอยู่ใต้น้ำ รวมถึงถ้ำที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์และแหล่งประวัติศาสตร์จำนวนหลายพันแห่ง นอกจากนี้ยังมีการเตือนว่าเขื่อนอิลิสุจะส่งผลทางลบต่อสภาพแวดล้อม โดยจะทำให้เกิดการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ มีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์จะเสี่ยงต่อการลดจำนวนประชากรลงยิ่งกว่าเดิม

ริดวัด ไอฮาน คนที่เกิดในถ้ำของฮะซันเคฟเป็นสมาชิกของ "องค์กรริเริ่มเพื่อทำให้ฮะซันเคฟอยู่รอด" (Initiative to Keep Hasankeyf Alive) ที่ก่อตั้งในปี 2549 ในฐานะขบวนการรากหญ้าที่ต่อต้านโครงการเขื่อน เขาชวนนักข่าวเดินชมตามแนวเขาที่หันหน้าเข้าเมืองไปจนพบกับถ้ำที่มีร่องรอยระบุว่าเคยเป็นโบสถ์โบราณมาก่อน เขาบอกว่าเรื่องราวเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวของพวกเขาเท่านั้น "ฮะซันเคฟ มันเป็นเรื่องราวของคุณด้วย เพราะมันเป็นเรื่องราวของมนุษย์"

อย่างไรก็ตามเมืองนี้มีนักโบราณคดีเข้ามาสำรวจพื้นที่ไปเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ไอฮานบอกว่าพวกเขาเคยเรียกร้องให้พื้นที่นี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดโล่งแต่รัฐบาลก็ไม่ยอมรับ ไอฮานเปิดเผยว่าถ้าลองขุดลงไปในเมืองนี้จะยิ่งเจอวัฒนธรรมต่างๆ เรียงซ้อนทับกันหลายชั้น รวมถึงมีสุสานที่ฝังกระดูกของมนุษย์จำนวนมาก ไอฮานบอกว่ารัฐบาลที่ไม่เคารพคนตายเช่นนี้เป็น "พวกป่าเถื่อน"

เมืองฮะซันเคฟเคยเป็นส่วนหนึ่งของหลายอารยธรรม ทั้งเมโสโปเตเมียยุคโบราณ, ไบแซนไทน์, จักรวรรดิ์อาหรับ, จักรวรรดิ์อ็อตโตมัน อย่างไรก็ตาม ศาตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งเซ็นทรัลฟลอริดา ฮากาน โอโซกลู ก็บอกว่าพื้นที่ฮะซันเคฟนี้มีการตั้งรกรากมานานยิ่งกว่าอารยธรรมเหล่านี้ โดยมีหลักฐานจากการอ้างอิงถึงเมืองนี้ในภาษาหลายภาษา และเขาก็มองว่าฮะซันเคฟจะเป็นห้องวิจัยที่ให้คำตอบเกี่ยวกับอดีตได้หลายเรื่อง หลักฐานจับต้องได้ที่จะไขปริศนาอดีตของมนุษย์เหล่านี้ควรจะได้รับการปกปักษ์รักษาไว้

อย่างไรก็ตามรัฐบาลตุรกีก็ประกาศเส้นตายให้ประชาชนออกจากพื้นที่ มีผู้คนพากันบอกลาแหล่งประวัติศาสตร์ในถิ่นฐานของตัวเองเพราะอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เห็น

พื้นที่ฮะซันเคฟมีนักท่องเที่ยวเข้าชมน้อยเพราะม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประวัติศาสตร์เหล่านี้ได้ แต่นักวิชาการก็มองว่าฮะซันเคฟเป็นพื้นที่ๆ มีศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ถ้าหากได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมจากยูเนสโก แต่ไอฮานก็บอกว่าองค์กรคุ้มครองฮะซันเคฟพยายามยื่นขอยูเนสโกให้เมืองของพวกเขาเป็นมรดกโลกต่ไม่สำเร็จเพราะต้องให้กระทรวงวัฒนธรรมในประเทศของพวกเขาเป็นผู้ยื่นขอ พวกเขาทำเรื่องเสนอกระทรวงวัฒนธรรมของตุรกีแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ

ไม่เพียงเท่านั้นทางการตุรกียังทำการปราบปรามผู้ประท้วงเขื่อนเพื่อสกัดกั้นการต่อสู้ของคนในพื้นที่ ไอฮานบอกว่าถ้าพวกเขาประท้วงพวกเขาก็จะถูกจับเข้าคุก ไม่มีประชาธิปไตยสำหรับพวกเขา เพราะถ้าหากมีประชาธิปไตยจริงพวกเขาก็ควรจะสามารถทำอะไรบางอย่างได้ ตัวไอฮานเองก็เคยถูกจับตั้งแต่ปี 2555

ถึงแม้ว่ารัฐบาลตุรกีจะสร้าง "ฮะซันเคฟใหม่" และจัดหาที่พักอาศัยใหม่ให้กับ 700 ครัวเรือน แต่นั่นก็เป็นการทำลายวิถีชีวิตของผู้คนในฮะซันเคฟ มีบางครอบครัวที่ไม่ได้รับที่อยู่อาศัยของตัวเองถูกบีบให้ต้องไปอยู่กับครอบครัวเดิมก่อนแต่งงาน บ้านใหม่บางหลังมีคนอาศัยอยู่ถึง 10 คนในบ้านหลังเดียว อีกทั้งวิถีชีวิตของชาวฮะซันเคฟส่วนหนึ่งที่เป็นคนเลี้ยงแกะก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นำแกะเข้าไปเลี้ยงในหมู่บ้านใหม่ที่รัฐจัดให้ได้ ทำให้ชาวฮะซันเคฟรู้สึกว่าพวกเขาถูกบังคับให้ต้องไปอยู่ในเมืองใหญ่ที่พวกเขาไม่อยากอยู่

ผู้อาศัยในฮะซันเคฟอีกรายหนึ่งชื่อ เฮดิเย ทับกาน เป็นแม่ของลูก 5 คน แต่เธอไม่ได้รับที่อยู่ใหม่ในพื้นที่ๆ รัฐบาลจัดหาให้และไม่รู้ว่าเธอกับลูกๆ ควรจะไปอยู่ที่ไหน ทับกานเล่าว่าเธอชอบที่ๆ เธออาศัยอยู่ เธอทำขนมปัง เก็บองุ่นและผลมะเดื่อเพื่อขายในบางครั้ง ผืนดินของเธอเป็นสิ่งที่สร้างผลผลิตได้ แต่ในตอนนี้เธอต้องถูกบีบให้ขายที่ดินทำกินตัวเอง 900 ลิราต่อ 1 ดูนัม (ราว 4,800 บาทต่อ 1,000 ตร.ม.)


เรียบเรียงจาก
‘They are barbaric’: Turkey prepares to flood 12,000-year-old city to build dam, The Guardian, 12-09-2019
https://www.theguardian.com/cities/2019/sep/12/they-are-barbaric-turkey-prepares-to-flood-12000-year-old-city-to-build-dam

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net