เมื่อไม่นานนี้ทางการรัสเซียทำการกวาดต้อนจับกุมนักกิจกรรมและองค์กรต่อต้านรัฐบาลหลายแห่ง มีการวิเคราะห์ว่าเพราะนักกิจกรรมเหล่านี้หาทางลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้แทนระดับท้องถิ่น ทำให้รัฐบาลรัสเซียเกิดหวาดระแวงจนหันไปใช้วิธีการสกัดถึงบ้านแบบโจเซฟ สตาลิน ผู้นำยุคสหภาพโซเวียต

แฟ้มภาพวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียนเมื่อปี 2014 (ที่มา: President of Russia)

อัลจาซีรารายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียมีปฏิบัติการด้านความมั่นคงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีที่เขาอยู่ในอำนาจ โดยอาศัยวิธีการใช้กำลังบุกกวาดต้อนจับกุมนักกิจกรม เอ็นจีโอ ผู้คุ้มครองสิทธิมนุษยชน นักข่าว และแม้กระทั่งนักสิ่งแวดล้อมทั้งตามสำนักงานและอพาร์ทเมนต์

การกวาดต้อนจับกุมในครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่กองทุนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (FBK) ที่ก่อตั้งโดยนักกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล อเล็กซี นาวาลนี ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาองค์กรนี้มีได้นำเสนอผลการสืบสวนสอบสวนการทุจริตคอร์รัปชันของคนใหญ่คนโตในรัฐบาลรัสเซีย เปิดโปงชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงนายกรัฐมนตรีดิมิทรี เมดเยเดฟ

ในช่วงก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียเคยบุกตรวจค้นสำนักงาน FBK ในกรุงมอสโกหลายครั้ง แต่ในครั้งล่าสุดนี้พวกเขาทำการตรวจค้นสำนักงานสาขาอื่นใน 43 เมืองทั่วประเทศด้วย ปฏิบัติการที่สื่ออัลจาซีราระบุว่ามีลักษณะแบบเดียวกับยุคสมัยเผด็จการโจเซฟ สตาลิน นั้นมีการขยายผลไปยังองค์กรและบุคคลอื่นๆ เช่น องค์กรจับตามองการเลือกตั้งที่ชื่อโกลอส นักกิจกรรมจากขบวนการสิ่งแวดล้อมเอโกวาห์ตา สมาชิกพรรคการเมืองยาโบลโค พ่อแม่ของนักข่าวและคนอื่นๆ อีกหลายคน

ทางการรัสเซียอ้างเรื่องที่มีกการดำเนินคดีต่อ FBK ในการกวาดต้อนจับกุมครั้งนี้ โดยรัสเซียอ้างตีความกฎหมายไปในเชิงไม่อนุญาตให้มีการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ FBK ซึ่งคดีนี้อาจจะกลายถูกตีตกไปในชั้นศาลแต่เป้าหมายของรัฐบาลคือการได้อ้างใช้ในการกวาดต้อนตรวจค้น รวมถึงการยึดงบประมาณองค์กรเหล่านี้ และรวมไปถึงการกำจัดทางการเงินของนักกิจกรรม

และการริบทรัพย์สินเทคโนโลยีมีค่าขององค์กรเหล่านี้ไม่ว่าจะโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือบางกรณีแม้กระทั่งเครื่องชงกาแฟ ถึงแม้ว่าในเวลาต่อมานักกิจกรรมเหล่านี้จะได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่พวกเขาก็ขาดเครื่องมือในการยังชีพ

รายงานของอัลจาซีราระบุถึงสาเหตุที่กระตุ้นให้ทางการรัสเซียก่อการกวาดต้อนจับกุมผู้คนในครั้งนี้ว่ามีที่มาตั้งแต่การที่นักกิจกรรม FBK และสมาชิกกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทำการล่ารายชื่อและยื่นขอลงทะเบียนเป็นผู้แทนฯ รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสภาดูมาระดับท้องถิ่น แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำการล่ารายชื่อได้มากพอเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ปฏิเสธไม่ยอมให้พวกเขาจดทะเบียน เพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่ม FBK และผู้แทนฝ่ายค้านก็ออกมาประท้วงบนท้องถนน ทำให้เกิดการประท้วงต่อเนื่องตามมา แต่รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในของรัสเซียก็โต้ตอบด้วยการวางกำลังปราบปรามโหดเหี้ยมขึ้นด้วยการทุบตีและจับกุมผู้ชุมนุม แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ทำให้ผู้ชุมนุมเลิกประท้วง

แต่การโต้ตอบอย่างเกินกว่าเหตุจากทางการรัสเซียยิ่งเรียกคะแนนให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลเข้าร่วมการประท้วงจำนวนมากในมอสโก

ทั้งนี้ทีมของนาวาลนียังเสนอให้กลุ่มฝ่ายค้านที่ถูกกีดกันจากการเลือกตั้งก็รณรงค์ให้มีการ "สมาร์ทโหวต" ด้วยการขอให้ผู้สนับสนุนพวกเขาไปลงคะแนนให้กับใครก็ตามที่จะสามารถเอาชนะพรรคยูไนเต็ดรัสเซียซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้ ซึ่งเป็นแผนการที่ประสบความสำเร็จพอสมควร ทำให้พรรครัฐบาลเสียที่นั่งไป 13 ที่นั่ง ทำให้เหลือเพียง 25 ที่นั่ง มีการประเมินว่าพรรครัฐบาลอาจจะเสียที่นั่งมากกว่านี้ถ้าหากพวกเขาไม่ทำการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬารในบางเขตเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าการโหวตในครั้งนี้จะไม่ถึงขั้นทำลายอำนาจควบคุมที่ฝังรากลึกของพรรครัฐบาลได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพรรครัฐบาลรัสเซียแพ้คะแนนเสียงในพื้นที่เมืองหลวง

การกวาดต้อนจับกุมของรัฐบาลมีขึ้นหลังจากมีการประกาศผลการเลือกตั้ง อัลจาซีราวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลรัสเซียรู้สึกกังวลว่าการขับเคลื่อนต่อต้านรัฐบาลของประชาชนจะส่งผลต่อพวกเขาจึงพยายามปฏิบัติการกวาดต้อนจับกุมเพื่อข่มขู่คุกคามนักกิจกรรมทางการเมือง โดยที่ถึงแม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ประชาชนรัสเซียจะกลัวการข่มขวัญแบบนี้ แต่ในทุกวันนี้ผู้คนในรัสเซียก็ดูโกรธมากกว่าที่จะกลัวทำให้ยุทธการข่มขู่คุกคามของรัฐบาลอาจจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

เรียบเรียงจาก

Why the Kremlin launched Stalinist-style mass raids, Aljazeera, 14-09-2019