‘ธรรมศาสตร์’ จับมือ ‘มหาวิทยาลัยฮอกไกโด’ ร่วมศึกษาวิจัยหยุดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดปาฐกถาเกียรติยศหยุดยั้งวิกฤตเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ในโอกาสครบ 85 ปี พร้อมลงนาม MOU ความร่วมมือทางวิชาการมหาวิทยาลัยฮอกไกโดขับเคลื่อนงานวิจัยด้านสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญเผยผลการทดลองวัคซีนช่วยป้องกันอย่างได้ผล แนะนำประชาชนกลุ่มเสี่ยง เด็ก สตรีมีครรภ์ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ควรฉีดทุกปีเพราะไวรัสเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา

20 ก.ย.2562 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ มธ.ศูนย์รังสิต มธ.จัดปาฐกถาเกียรติยศในโอกาสครบรอบ 85 ปี โดย ศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์ ฮิโรชิ คิดะ ผู้อำนวยการ Hokkaido University Research Center for Zoonosis Control และสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2559 ในเรื่อง “ความพร้อมในการรับมือ การระบาดของไข้หวัดใหญ่?” และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาองค์ความรู้ด้านสาธารณสุขร่วมกัน 

รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผย ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีความร่วมมือทางการศึกษาด้านสาธารณสุขศาสตร์กับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด มายาวนานกว่า 4 ปีแล้ว โดยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ระหว่างบุคลากร รวมถึงการวิจัยและพัฒนายารักษาโรคและวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ได้ผลเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบการระบาดต่อเนื่องทุกปี 

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมจะขยายผลความร่วมมือด้านการเรียนการสอนเพื่อผลิตนักศึกษาระดับปริญญาเอกให้เกิดบุคลากรรุ่นใหม่ด้านสาธารณสุขที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต

“งานวิจัยร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยฮอกไกโดด้านสาธารณสุขมีมายาวนาน ถูกนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในการดูแลสุขภาพของคนไทย เราจะสานต่อความร่วมมือในเชิงลึกมากขึ้นทั้งด้านการพัฒนาบุคลากรและวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ” อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว

ศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์ ฮิโรชิ คิดะ ผู้อำนวยการ Hokkaido University Research Center for Zoonosis Control กล่าวปาฐกถาเกียรติยศ “ความพร้อมในการรับมือ การระบาดของไข้หวัดใหญ่?” ว่า เชื้อ H5N1 เป็นไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงที่ระบาดมาจากสัตว์ปีกและติดต่อมายังคน ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในภูมิภาคเอเชียมาตั้งแต่ปี 2540 และแพร่สู่ยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ กระทั่งมีการเกิดไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 อุบัติขึ้นมา  โดยพบการติดเชื้อจากสัตว์ปีกสู่คนปรากฏขึ้นครั้งแรกในจีน 

ไวรัสไข้หวัดนกทั้งสอง 2 สายพันธุ์นี้สร้างความกังวลให้วงการสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เพราะทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่น มีโอกาสที่ไวรัสจะมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่ส่งผลให้มีความสามารถติดเชื้อและแพร่กระจายในมนุษย์มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการในเรื่องของวัคซีนเพื่อเตรียมพร้อมต่อการป้องกันและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกให้เกิดประสิทธิภาพ

มหาวิทยาลัยฮอกไกโด มีการเก็บคลังเชื้อไวรัสไข้หวัดนกกว่า 4,000 สายพันธุ์ จาก 144 สับไทป์ของไวรัส (ฮีแมกกลูตินิน 16 สับไทป์ และ นิวรามินิเดส 9 สับไทป์) เพื่อใช้เป็นวัคซีนรองรับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอนาคต ทั้งนี้การทดลองวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัส H1N1, H5N1, H6N2, H7N7, H7N9 และ H9N2 สามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดลองเมื่อถูกทำให้ติดเชื้อด้วยไวรัสได้

“สถาบันการศึกษาของญี่ปุ่นให้ความสำคัญและร่วมมือกันอย่างดีในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นการขยายผลความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์ที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาการศึกษาวิจัย ป้องกันดูแลสุขภาพของประชาชนได้มากขึ้น” ศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์ ฮิโรชิ คิดะ กล่าว

ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเป็นซ้ำได้ ดังนั้น ในทางการแพทย์จึงแนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงได้แก่หญิงตั้งครรภ์ที่หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จะเป็นอันตรายกับลูกในท้อง เด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น 

“ผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการป้องกันของประชาชนช่วงเวลาต่างๆ นอกเหนือจากการมุ่งพัฒนาวัคซีนให้สอดรับกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงแล้ว การยับยั้งแพร่ระบาดจึงต้องขึ้นกับประชาชนด้วย หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันและเมื่อป่วยแล้วก็ควรจะรักษาดูอาการอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายแพร่กระจายต่อไป” ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท