ก.แรงงาน จับตา 'บ.เอเพ็กซ์' เลิกจ้าง 'พนง.อายุงานไม่ครบ 120 วัน'

ก.แรงงาน จับตา 'บ.เอเพ็กซ์' เลิกจ้าง 'พนง.อายุงานไม่ครบ 120 วัน' ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ด้านโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ ระบุเนื่องจากสงครามการค้าในต่างประเทศกระทบกับบริษัทฯ โดยตรง หากสถานการณ์ดีขึ้นจะพิจารณารับ พนง. กลุ่มนี้กลับเข้ามาทำงานใหม่


ที่มาภาพ: เฟสบุ๊ค Apex Activity

22 ก.ย. 2562 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่าได้ติดตามสถานการณ์แรงงานอย่างใกล้ชิดและมีความห่วงใยกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพข่าวในสื่อโซเชียลว่ามีโรงงานใหญ่ระดับต้นๆ ในนิคมสินสาคร เลิกจ้างลูกจ้างจำนวนมาก โดยได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือคุ้มครองลูกจ้างเพื่อให้ได้รับสิทธิตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับนายจ้างและลูกจ้างให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรสาคร พบว่าสถานประกอบการดังกล่าวชื่อบริษัท เอเพ็กซ์ เซอร์คิต (ไทยเเลนด์) จำกัด ประกอบกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีที่ตั้ง 2 แห่ง คือ แห่งแรกมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 39/234-6 ม.2 ในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีลูกจ้างประมาณ 2,977 คน และแห่งที่ 2 มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่เลขที่ 30/101-102 ม.1 ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีลูกจ้างประมาณ 3,208 คน ซึ่งทั้งสองแห่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และผลกระทบปัญหาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศคู่ค้ามีผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อ บริษัทฯ จึงต้องใช้มาตรการลดจำนวนการผลิตและเลิกจ้างลูกจ้างโรงงานในนิคมสินสาครทันที

โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เลิกจ้างลูกจ้างที่มีอายุงานยังไม่ครบ 120 วัน ซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองงานและเป็นลูกจ้างรายวันไปแล้วจำนวน 147 คน และให้มีผลทันที ซึ่งบริษัทฯ จะจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ นอกจากนี้โรงงานในนิคมสมุทรสาคร จะมีการเลิกจ้างลูกจ้างที่อายุงานไม่ถึง 120 วันอีกจำนวน 70 คน ในวันที่ 30 ก.ย. 2562 นี้

ล่าสุดกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรสาคร ได้เข้าไปชี้แจงถึงสิทธิ และหน้าที่ของนายจ้างให้กับทางบริษัททราบแล้ว ซึ่งภายหลังการชี้แจงพบว่า พนักงานกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ไม่ผ่านการทดลองงาน ประกอบกับพิษสงครามเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นกับเกาหลี ส่งผลกระทบให้โรงงานต้องลดกำลังการผลิตลง และตัดสินใจให้พนักงานในกลุ่มทดลองงานถูกเลิกจ้างก่อน 

ซึ่งกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรสาคร จะได้ประสานสำนักงานจัดหางานและสำนักงานประกันสังคม จ.สมุทรสาคร เพื่อดำเนินการหาตำแหน่งงานว่างให้กับลูกจ้างและให้ลูกจ้างได้รับการสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองที่เหมาะสมตามกฎหมายต่อไป กรณีลูกจ้างที่ส่งเงินสบทบกับสำนักงานประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถยื่นเรื่องเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนกรณีประกันการว่างงาน โดยแจ้งขึ้นทะเบียนว่างงานได้ที่สำนักงานจัดหางาน จ.สมุทรสาคร จากนั้นสำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบสิทธิเพื่อจ่ายสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกจ้างร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นเวลาไม่เกิน 180 วัน

นอกจากนี้ กรมการจัดหางานจะดำเนินการหาตำแหน่งงานว่าง กรณีลูกจ้างที่มีความประสงค์จะพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในการนำไปใช้สำหรับตำแหน่งงานใหม่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ก็จะดำเนินการพัฒนาฝีมือทักษะฝีมือให้ตามความต้องการของลูกจ้างอีกด้วย

อย่างไรก็ตามกรณีลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 3

โซเชียลมีเดียของบริษัทฯ ระบุเนื่องจากสงครามการค้าในต่างประเทศ กระทบกับบริษัทฯ โดยตรง

ด้าน ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านายชาธิป ตั้งกุลไพศาล รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะประธานชมรมผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ชี้แจงว่าจากการชี้แจงของฝ่ายบริหารเป็นเพียงแค่ไม่ได้บรรจุพนักงานที่ยังไม่ผ่านทดลองงานเท่านั้น ปัจจุบันทางบริษัทมีพนักงานทั้ง 2 โรงงาน ใน 2 นิคมอุตสาหกรรม จำนวนเกือบ 1 หมื่นคน แต่เนื่องจากแนวโน้มการผลิตที่มีแนวโน้มลดลง และการขยายงานไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย จึงมีการวางแผนปรับลดจำนวนพนักงานบางส่วน จำนวน 140 คนที่อยู่ในช่วงทดลองงาน ซึ่งไม่ได้กระทบต่อพนักงานประจำแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เฟสบุ๊ค Apex Activity ของบริษัท เอเพ็กซ์ เซอร์คิต (ไทยเเลนด์) จำกัด ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป #SaveAPEX ระบุว่าเพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา โดยนายบิล ชู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับครอบครัวของเรา สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ เราก็ต้องใช้ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องเฟด เราถึงจะสามารถเดินต่อไปได้ ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ และจะสามารถดูแลพนักงานได้มากขึ้น ขณะที่นายศราวุธ ครุธแก้ว ผู้จัดการอาวุโส ระบุว่าที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้หาวิธีที่จะทำให้กิจการเดินไปต่อ ทั้งการหยุดวันทำงาน หยุดค่าล่วงเวลา ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กลุ่มผู้บริหารสัญญาว่าถึงเวลาจะได้เจอกันอีก

ในตอนท้าย ได้ชี้แจงว่าทางบริษัทฯ ได้ต่อสู้และมีมาตรการต่างๆ มาเป็นระยะเวลา 3-4 เดือน และมิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ด้วยในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจโลกและสงครามทางการค้า ระหว่างประเทศมหาอำนาจจีนกับอเมริกา และญี่ปุ่นกับเกาหลี ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ ที่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่สามารถหลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ จึงทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องมีการปรับลดกำลังพนักงานเข้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านทดลองงานในการผลิตลง มิใช่การปลดหรือจ้างพนักงานเก่าออกตามความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน บริษัทฯ และทีมผู้บริหารทุกระดับชั้นจะพยายามฟันฝ่าร่วมกันทำงานกับพนักงานเก่าให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน และเมื่อใดที่เศรษฐกิจของบริษัทฟื้นตัวกลับขึ้นมา พนักงานใหม่กลุ่มนี้จะได้กลับเข้ามาทำงานเป็นคนแรกในโครงการ Book fore ต่อไป

ที่มาเรียบเรียงจาก ประชาชาติธุรกิจ ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท