Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานความคืบหน้าคดีเหตุสวมเสื้อดำสหพันธรัฐไท จับกุมเพิ่มอีก 1 คน รวม 20 คนแล้ว เหตุสวมเสื้อสีดำ ยืนหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 5 ธ.ค. 61 ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ยุยงปลุกปั่น และอั้งยี่ศาลเรียกหลักประกันสูงถึง 600,000 บาท

(เสื้อที่ถูกระบุว่ามีสัญลักษณ์สหพันธรัฐไท : ที่มา แฟ้มภาพ)

27 ก.ย.2562 ความคืบหน้าคดีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มสหพันธรัฐไท ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ย.62) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า มีการจับกุมเพิ่มอีก 1 คน โดยเมื่อวันที่ เย็นวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่กองบังคับการปราบปราม พนักงานสอบสวนรับตัว ลูกแก้ว (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ที่ตำรวจส่งตัวมาจาก จ.เชียงใหม่ สำหรับลูกแก้ว ตกเป็นผู้ต้องหาคดีสหพันธรัฐไท ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(2)(3) และมาตรา 209 จากกิจกรรมวันที่ 5 ธ.ค. 61 เจ้าหน้าที่อ้างว่าลูกแก้วได้สวมเสื้อสีดำ ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นธงของสหพันธรัฐไท ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

หลังตำรวจจับกุมลูกแก้วได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ที่ห้องโถงผู้โดยสารขาออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขณะที่ลูกแก้วกำลังเข้ารับการตรวจหนังสือเดินทาง ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ผู้โดยสารขาออก) ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงตัวพร้อมหมายจับในข้อหา “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ได้หรือมิใช่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และเป็นอั้งยี่” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(2)(3) และมาตรา 209 จากนั้นลูกแก้วถูกนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ ควบคุมและสอบปากคำ ในวันที่ 25 ก.ย.เวลา 02.00 น.ก่อนจะดำเนินการส่งตัวต่อมาที่กรุงเทพฯ

ต่อมา 26 ก.ย. พนักงานสอบสวนกองปราบฯ​ ได้นำตัวลูกแก้วฝากขังต่อ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ลูกแก้วยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งศาลเรียกหลักประกันสูงถึง 600,000 บาท ก่อนอนุญาตให้ปล่อยตัว

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คดีความผิดมาตรา 116 และมาตรา 209 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี วงเงินประกันในคดีประเภทนี้จะอยู่ไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งยังเป็นไปตาม ข้อ 5.3 ข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี ให้ศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้โดยไม่ต้องมีประกัน หากมีเหตุจำเป็นต้องมีประกันให้กำหนดวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท เว้นแต่มีเหตุสมควรที่จะสั่งเป็นอย่างอื่น

อย่างไรก็ตามนับเป็นคดีที่ 2 ในกลุ่มคดีสหพันธรัฐไทที่ศาลเรียกวงเงินที่สูงขึ้นเป็น 600,000 บาท เช่นเดียวกับคดีของกรณีกาญจนา (นามสมมติ) ข้าราชการบำนาญ ชาว จ.อุบลราชธานีซึ่งศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวัน 23 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยทั้งสองกรณีไม่มีการระบุเหตุสมควรในการกำหนดวงเงินประกันสูงกว่าข้อบังคับประธานศาลฎีกาแต่อย่างใด

รายที่ 20 กับภาพรวมคดีสหพันธรัฐไท

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานภาพรวมคดีเกี่ยวกับสหพันธรัฐไทว่า เหตุที่ทำให้ลูกแก้วถูกดำเนินคดีครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 62 พนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับลูกแก้ว แจ้งข้อกล่าวหาว่า วันที่ 5 ธ.ค. 61 ลูกแก้วได้สวมเสื้อสีดำ ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นธงของสหพันธรัฐไท โดยผู้ต้องหามานั่งแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นในวันเดียวกัน (13 ธ.ค. 61) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร หัวหน้ารักษาความสงบ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจค้นบ้านของลูกแก้ว พบสิ่งของต่างๆ เกี่ยวกับสหพันธรัฐไท โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้ทั้งหมด

องค์กรสหพันธรัฐไทเป็นประเด็นข่าวที่มีความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2561 และเป็นที่พูดถึงจากการนัดรวมตัวกันใส่เสื้อดำเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2561 ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไปติดตามขัดขวาง รวมถึงควบคุมตัวบุคคลตามมาซึ่งเหตุการณ์คุมตัวบุคคลยาวต่อเนื่องอยู่เกือบสัปดาห์ แต่เท่าที่ศูนย์ทนายความฯ รับทราบก็เหมือนจะไม่ได้มีการดำเนินคดีกับบุคคลใดจนกระทั่งเข้าสู่ปี 2562 ที่มีการออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนั้นตามมา

ปัจจุบัน มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีเพราะเกี่ยวพันกับกลุ่มสหพันธรัฐไท แล้วอย่างน้อย 20 คน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็มีการจับกุมอีกหนึ่งคนที่เชียงใหม่เช่นกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net