Skip to main content
sharethis

นายกสมาคมต่อต้านสภาะโลกร้อนเผยศาลปกครองกลางสั่งถอนใบอนุญาตท่าเรือขนถ่านหิน-สินค้าระวางบรรทุกเกิน 500 ตันริมแม่น้ำป่าสัก อ.นครหลวง อยุธยา พร้อมสั่งอุตสาหกรรมจังหวัด-อบต.ในพื้นที่ใช้อำนาจตาม กม.แก้ปัญหาฝุ่นละออง-เสียงดังจากการประกอบกิจการริมแม่น้ำทั้งหมด

2 ต.ค.2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาะโลกร้อน ว่า ตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยชาวบ้านในอำเภอนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 81 คน ได้เข้ายื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐ 8 หน่วยงาน เช่น อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อธิบดีกรมเจ้าท่า อบต. และหน่วยงานของรัฐต่างๆ มาตั้งแต่ ก.พ.2559 เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานเหล่านี้สั่งการควบคุมให้ผู้ประกอบการโรงงาน 51 บริษัท และท่าเรือ 26 แห่ง ริมแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่ อ.นครหลวง แก้ไขปัญหาการประกอบกิจการ ทั้งการขนถ่านหิน คลังสินค้า เป็นระบบปิดทั้งหมด ไม่ปล่อยฝุ่นละออง น้ำเสีย ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม ให้รื้อถอนท่าเทียบเรือในส่วนที่ล่วงล้ำลำน้ำป่าสักออกทั้งหมด และท่าเรือที่รับหรือทำการขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกที่มีนำหนักหรือระวางเกิน 500 ตันกรอส ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตท่าเรือที่ฝ่าฝืน พร้อมเอาผิดกับผู้ประกอบการเรือบาสที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านด้วยนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 ที่ผ่านมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมเจ้าท่าที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการท่าเรือขนถ่ายถ่านหินและสินค้าต่าง ๆ ที่มีระวางบรรทุกเกิน 500 ตันกรอสทั้งหมดโดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่อนุญาต แต่หากจะใช้ท่าเรือดังกล่าวต่อไปต้องไปจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ให้ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสียก่อน และพิพากษาให้อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาใช้อำนาจตาม ม.35 ประกอบ ม.37 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน 2535 แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละออง และเสียงดังจากการประกอบกิจการต่างๆทั้งหมด และพิพากษาให้ อบต.ในพื้นที่ ใช้อำนาจตาม ม.44 ม.26 ประกอบ ม.28 แห่ง พรบ.การสาธารณสุข 2535 แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละออง และเสียงดังจากการประกอบกิจการต่างๆทั้งหมดด้วยภายใน 90 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา

ศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า คดีดังกล่าวถือว่าเป็นชัยชนะของชาวอยุธยา โดยเฉพาะที่มีบ้านเรือนอยู่ในชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ ในอำเภอนครหลวงริมแม่น้ำป่าสัก ที่ทนทุกข์ทรมานกันมานานนับ 10 ปีที่หน่วยงานรัฐปล่อยให้มีกิจการท่าเทียบเรือ การขนถ่ายถ่านหิน แป้งมัน ปุ๋ย ข้าว พืชผลทางการเกษตรต่างๆ โดยไม่มีมาตรการควบคุมปัญหาเลยแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ชาวบ้านเจ็บป่วย เป็นโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ สิ่งแวดล้อมเสียหาย บ้านเรือนเต็มไปด้วยฝุ่นผงของถ่านหิน แป้งมัน ตลิ่งริมน้ำพังทรุดตัวเสียหาย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นต้นเหตุสำคัญที่อาจก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 แพร่คลุมเมืองในพื้นที่ภาคกลางรวมทั้ง กทม.อยู่ในขณะนี้ด้วย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net