ใบตองแห้ง: สงครามทัศนคติ

ประวิตรจะสอบธนาธร-อนาคตใหม่ ฐานใช้เงินจ้างล็อบบี้ยิสต์ ตอนไปอเมริกา ตั้งข้อหา “ขายชาติ” พาดหัวข่าวใหญ่ ถามว่าทำให้คนเลือกอนาคตใหม่เปลี่ยนใจไหม

ก็น่าจะรู้ว่าตรงกันข้าม คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คนเลือก 7 พรรคฝ่ายค้าน อ่านข่าวแล้วเลือดขึ้นหน้า ด่าขรม ยิ่งเห็น ส.ว.รัฐประหารตั้ง ออกมาหนุนรัฐบาล ยิ่งปลุกอารมณ์

การจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” บริษัทติดต่อเข้าพบบุคคลและหน่วยงานต่างๆ เป็นเรื่องปกติของการเมืองอเมริกัน ที่จริงการเมืองไทยก็มี แต่ทำกันลับๆ ล่อๆ ไม่เหมือนประชาธิปไตยอเมริกันทำให้เป็นเรื่องเปิดเผย “บนโต๊ะ” ต้องเปิดเผยสัญญาจ้าง ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่ สถานทูตไทยก็ทำ

ถามว่าจำเป็นหรือไม่ ใช้เงินเกินความเหมาะสมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของกองเชียร์อนาคตใหม่ จะไปตั้งคำถามกับธนาธร ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล

เพราะการที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เดินสายพบสื่อ พบนักการเมือง องค์กรระหว่างประเทศ เป็นสิทธิที่ทำได้ ทำกันทั่วไป หากจะว่าการแสดงจุดยืนประชาธิปไตย คัดค้านรัฐประหารสืบทอดอำนาจ ประจานการตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตให้ตัวเอง ถือเป็นการ “ขายชาติ” ก็เท่ากับชาติคือรัฐประหาร ยอมรับวัฒนธรรมหน้าด้านโกงประชาธิปไตย เป็นของชาติไทย ไม่ควรเอาไปพูดกับชาติอื่น อับอายขายขี้หน้าเขา

การใช้คำว่า “ขายชาติ” ปลุกความเกลียดชังพรรคอนาคตใหม่ จึงน่าสนใจขบขันว่า ปลุกใคร ปลุกพวกอนุรักษนิยมสุดโต่ง ชาติศาสนานิยมฝังหัว แบบกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน สมัย 6 ตุลา อย่างนั้นหรือ ถามจริงว่าคนเหล่านี้มีเท่าไหร่ แม้แต่ในกลุ่มคนเลือกประยุทธ์ 8.9 ล้านเสียง ก็ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ ขณะที่คนต้านมี 16.5 ล้านเสียง

ในทางตรงข้าม คนภาคภูมิใจที่ประยุทธ์ได้ไปแสดงบทบาทบนเวทีโลก มีสักเท่าไหร่กัน ภาคภูมิใจที่ประยุทธ์ได้ไปพูดเรื่องหลักประกันสุขภาพ แล้วคนฟังปรบมือให้ ภาคภูมิใจที่นายกฯ ไทยรู้จักใช้กูเกิล แล้วบอกว่าประชาชนไม่ค่อยเรียนรู้

ลองเปิดกูเกิลดูก็ได้ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา แค่เสิร์ชคำว่า “นายก” หรือคำว่า “ประยุทธ์” ก็หัวร่องอหาย หรือตอนที่ประยุทธ์ไลฟ์สด ผ่านเพจไทยคู่ฟ้า มีคนดูเกือบสี่หมื่น แต่กดโกรธ 3.7 หมื่น

สำหรับคนฝั่งนี้ การที่มีนักศึกษาไทยไปประท้วงประยุทธ์ต่างหาก คือความภาคภูมิใจ เป็นฮีโร่ของคนไทย ส่วนที่มีคนต่างชาติไปประท้วงก็เพียงแต่งงๆ ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่น่าทำ เดี๋ยวก็โดนข้อหาทักษิณจ้างมา (ที่ไหนได้ ยุคนี้หาว่าธนาธรจ้าง)

การปลุกความเกลียดชังพรรคอนาคตใหม่ ก็เพื่อทำลายด้วยกลไกรัฐ ด้วยอำนาจกฎหมาย เช่นหาเรื่องยุบพรรค ตัดสิทธิ แต่ในสงครามความคิด ไม่มีทางเอาชนะได้

เครือข่ายอนุรักษนิยมต้องการเหนี่ยวรั้งสังคมเอาไว้ใต้ทัศนคติดั้งเดิม ความคิดแบบทหาร แบบฝ่ายความมั่นคง สมช. กอ.รมน. ที่ไม่เคยพ้นยุคสงครามเย็น แต่เปลี่ยนศัตรูจากคอมมิวนิสต์มาเป็นประชาธิปไตย

พวกเขาพยายามช่วงชิงมวลชนระดับล่างด้วยนโยบายสงเคราะห์ต่างๆ กวาดต้อนนักการเมืองสกปรกให้ย้ายข้าง ครอบงำความคิดคนรุ่นหลังด้วยหลักสูตรการศึกษา แบบท่องอาขยาน เรียน รด. วิทยุทหาร สื่อสารของรัฐ ฯลฯ

แต่ทำไม่สำเร็จ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เติบโตในวิกฤติ เรียนรู้ผ่านโลกออนไลน์ เด็กที่มีความคิดโตมาทางไหนไม่ต้องบอก ไปดูดราม่าแบบพานไหว้ครู หรือ “เกรียมอุดม” ก็ได้

สงครามทัศนคตินี้ เครือข่ายอนุรักษนิยมไม่มีทางชนะ เพียงแต่กดเอาไว้ด้วยอำนาจ คุกคามด้วยความหวาดกลัว จ้อง “เด็ดหัว” เป็นรายๆ เช่นพยายามใช้กฎหมายทำลายอนาคตใหม่

ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็ยอมรับอำนาจนี้ไม่ได้ แม้ไม่อยากปะทะ ก็จะถูกบีบให้เกิดวิกฤติในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่ดี

 

 

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/318697

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท