Skip to main content
sharethis

ทนายความและ ภรรยาของ 'อับดุลเลาะ อีซอมูซอ' ยื่นคำร้องทุกข์ ต่อ.ตร.กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ซักถาม ในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นผู้กระทำให้อับดุลเลาะเสียชีวิต

2 ต.ค.2562 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซูไมยะห์ มิงกะ ภรรยาของ อับดุลเลาะ อีซอมูซอ และทนายความจากศูนย์ทนายความมุสลิม เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองจิก จ.ปัตตานี ต่อการเสียชีวิตของ อับดุลเลาะ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยโรงพยาบาลสงขลานครินทร์  ได้ออกหนังสือรับรองการเสียชีวิต ระบุว่าเสียชีวิตจากภาวะสมองขาดออกซิเจนและขาดเลือด

เบนาร์นิวส์ รายงานด้วยว่า กรณีดังกล่าว ซูไมยะห์ ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน เพื่อกล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ซักถาม ในค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นผู้กระทำให้สามีของตนเสียชีวิต ซึ่งสามีตนหมดสติในเดือนกรกฎาคม แล้วเสียชีวิตในระหว่างรับการรักษาพยาบาล ในเวลากว่าหนึ่งเดือนถัดมา

ซึ่ง พ.ต.ท.จักรกฤติ แสงจันทร์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในชั้นต้น เจ้าพนักงานสอบสวนได้เริ่มสอบสวนฝ่ายผู้เสียหาย

"ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากญาติและทนายความแล้ว ซึ่งขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนเริ่มทำการสอบสวนฝ่ายผู้เสียหาย ได้แก่นางสาวซูไมยะห์ มิงกะ ภรรยานายอับดุลเลาะผู้ตาย และญาติ โดยมีทนายเข้าร่วมรับฟัง หลังจากนี้ จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่” พ.ต.ท.จักรกฤติ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์

ข้อมูลเพิ่มเติมจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า อับดุลเลาะ อีซอมูซอ ถูกควบคุมเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2562 โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายใต้อำนาจตามกฎอัยการศึกไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.อหนองจิก จ.ปัตตานี ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. 2562 ถูกพบว่าหมดสติอยู่ในหน่วยซักถามของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร เจ้าหน้าที่ประจำค่ายจึงนำ อับดุลเลาะ เข้ารับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จากนั้นได้ส่งไปรักษาตัวต่อ ณ อาคารผู้ป่วยวิกฤติ(ICU) โรงพยาบาลปัตตานี ต่อมาวันที่ 22 ก.ค. 2562 ถูกส่งตัวไปรักษาต่อ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์ระบุว่าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ผลเอ็กซเรย์สมองพบว่าสมองบวม มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ยังคงใส่เครื่องช่วยหายใจ มีสภาวะไตวายเฉียบพลันและจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติทางอายุรกรรม และต่อมาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา

กรณีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความสำคัญต่อการสร้างให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการควบคุมตัวบุคคลตามอำนาจกฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้  การสืบสวนสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฎว่า ก่อนการถูกควบคุมตัวอับดุลเลาะไปนั้นอับดุลเลาะห์มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว สมาชิกในครอบครัวและสังคมต้องได้รับคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับอับดุลเลาะห์ ระหว่างถูกควบคุมตัวภายในศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43  ค่ายอิงคยุทธบริหาร และหากเป็นการกระทำที่เป็นความผิดทางอาญา พนักงานสอบสวนจึงมีหน้าที่ติดตาม และหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยคดีนี้ทนายความศูนย์ทนายความมุสลิมและทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือคดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายอับดุลเลาะและญาติต่อไปให้ถึงที่สุดทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ ในระดับนโยบายและกระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนใต้

และในวันที่ 5 ต.ค. 2562 ทางญาติจะจัดงานครบรอบ 40 วันอันเป็นประเพณีทางศาสนาอิสลามให้แก่อับดุลเลาะที่บ้านในพื้นที่ ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และในวันที่ 9 ต.ค.นี้ จะมีการเดินทางมายื่นหนังสือให้คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนของสภาผู้แทนราษฎรด้วย        

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net