Skip to main content
sharethis

SMS อ้างมาจาก 'Royal Thai Palace' เตือนนักกิจกรรมให้ลบบัญชีในโซเชียลมีเดียจากการแสดงความเห็น #ขบวนเสด็จ ศูนย์ทนายสิทธิฯ ตั้งข้อสังเกต ข้อความไม่สามารถระบุที่มาได้ ไม่ใช่การดำเนินขั้นตอนตามกฎหมาย ย้ำหน่วยงานที่ถูกพาดพิงควรตรวจสอบการแอบอ้าง ขณะที่ 'กองวัง' ยันไม่น่าใช่ของที่นี่เพราะไม่เคยมีการตอบโต้อะไรแบบนี้ 

4 ต.ค.2562 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วานนี้ (3 ต.ค.62) นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองรายหนึ่งได้รับข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) อ้างว่ามาจาก “Royal Thai Palace” ให้ลบบัญชีในโซเชียลมีเดียทุกชื่อบัญชี โดยข่มขู่ว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองหลังจากการโพสต์แสดงความเห็นใน #ขบวนเสด็จ

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดวันนี้ (4 ต.ค.62) เวลา 12.33 น. มีข้อความเข้าโทรศัพท์ของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนดังกล่าว หลังดำเนินการปิดโซเชียลมีเดียแล้วว่า ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวประชาไทได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง สำนักพระราชวัง เบอร์โทร 022243275 ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์สำนักพระราชวัง https://www.royaloffice.th/contactus/สำนักพระราชวัง/ ซึ่งปลายสายไปยังกองวัง กล่าวว่า กองวัง ไม่ได้ดูแลกิจกรรมเรื่องเหล่านี้ จึงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่โดยส่วนตัวมองว่า ไม่น่าใช่ของที่นี่ เพราะปกติเราไม่เคยมีการตอบโต้อะไรแบบนี้ 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากแฮชแท็ก #ขบวนเสด็จ ติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 62 หลังจากเหตุการณ์การจราจรติดขัดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ระบุว่าเป็นเพราะเหตุมีขบวนเสด็จทำให้รถที่สัญจรไปมาต้องหยุด รวมไปถึงรถพยาบาล

กระแสดังกล่าวทำให้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คเข้าไปร่วมแสดงความเห็นจำนวนมาก รวมถึงนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองรายนี้ซึ่งได้แสดงความเห็นทั้งในเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ซึ่งชื่อบัญชีดังกล่าวได้ใช้ชื่อและนามสกุลจริง จนกระทั่งเขาได้รับข้อความซึ่งไม่ปรากฏหมายเลขผู้ส่งในคืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุชื่อว่าส่งมาจาก “Royal Thai Palace” โดยข้อความในเนื้อหา “ Please delete all your social network accounts by tonight for your safety. Royal Thai Palace” แปลว่า “โปรดลบบัญชีในโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณทุกบัญชีภายในคืนนี้ เพื่อความปลอดภัยของคุณ” 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตว่า ข้อความดังกล่าวนั้น ไม่สามารถระบุที่มาได้ว่ามาจากหน่วยงานที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ และการส่งข้อความดังกล่าวไม่ใช่การดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งนี้หากมีการกล่าวหาเป็นคดีจริงจะต้องเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกหมายเรียกหรือหมายจับแล้วแต่กรณี แต่ไม่ใช่การส่งข้อความลักษณะข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวมาทางโทรศัพท์ ทั้งนี้หน่วยงานที่ถูกพาดพิงดังกล่าวควรตรวจสอบว่ามีการแอบอ้างโดยบุคคลใดหรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net