Skip to main content
sharethis

'ปิยบุตร' บรรยายพิเศษ 'แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชน ในการสร้างชาติ' โต้ ผบ.ทบ.สร้างความแตกแยก ย้ำฝ่ายค้านไม่แตะแก้ รธน.หมวด 1-2 ระบุคนฉีก รธน. คือคณะรัฐประหาร 'ธนาธร' เรียกร้องอย่าสร้างความเกลียดชัง ระบุจีนไม่ได้ระบุชื่อบุคคลในแถลงการณ์

12 ต.ค. 2562 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีบรรยายพิเศษ หัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชน ในการสร้างชาติ” ว่าการจัดบรรยายวันนี้ (12 ต.ค.) เนื้อหาต้องการแก้ไขความเข้าใจที่ผิดพลาดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในการจัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองฝ่ายความมั่นคง” เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) ซึ่งมองว่าเนื้อหาดังกล่าวที่จะนำไปสู่การสร้างความแตกแยก และวันนี้ต้องการตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์ ถึงแม้การบรรยายเมื่อวานนี้ จะไม่เอ่ยถึงชื่อนักการเมืองหรือพรรคการเมือง แต่เชื่อว่าหมายถึงพรรคอนาคตใหม่และแกนนำในพรรค เชื่อว่าการบรรยายเมื่อวานนี้เป็นการสะท้อนวิธีคิดของผู้บัญชาการทหารบกและกองทัพไทย ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ

สมาคมพิทักษ์ รธน. เตรียมร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'อภิรัชต์' ไม่เป็นกลางทางการเมือง
คำต่อคำ: ชาติไทยและภัยความมั่นคงในความนึกคิดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
เลขาฯ ครป. แนะ รบ. ตั้ง กก.สอบวินัย 'อภิรัชต์' เหตุบรรยายพิเศษหวังผลทางการเมือง

นายปิยบุตร กล่าวถึงการสร้างชาติ ว่าการสร้างชาติได้ต้องสร้างจากปัจจุบันด้วย ต้องถอดองค์อำนาจออกจากตัวบุคคลมาให้ประชาชนเป็นผู้นำสูงสุด และให้ประชาชนสร้างชาติ จึงจะเกิดจิตสำนึก เคารพซึ่งกันและกัน เพราะถ้าไม่มีประชาชน ก็ไม่มีชาติ พร้อมขอให้คนไทยทุกคนที่แม้จะมีความเห็นแตกต่างกัน มาร่วมกัน สร้างชาติ ด้วยการเคารพความเป็นคนของผู้อื่น ยึดมั่นสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และเคารพความแตกต่างหลากหลายของผู้อื่น

“แม้เราจะเคยโกรธ เคยเกลียด เคยเห็นต่าง แต่เราคือคนไทย จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเคารพความแตกต่าง หลากหลายของบุคคลอื่น” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่าการที่ผู้บัญชาการทหารบกพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเรื่องใดแก้ได้ แก้ไม่ได้ อยากให้หยิบรัฐธรรมนูญขึ้นมาดู อย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน ให้หยิบรัฐธรรมนูญมาดูว่าเรื่องใดแก้ได้ แก้ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 255 เขียนว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระทำไม่ได้ นี่คือข้อจำกัดในการแก้รัฐธรรมนูญ ประเทศไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แก้ไขได้แต่ต้องไม่แก้ไขอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือเปลี่ยนรูปแบบของรัฐในการเป็นราชอาณาจักรหรือเปลี่ยนรูปของรัฐจากความเป็นรัฐเดี่ยว ซึ่ง 3 เรื่องนี้ห้ามแก้ไขเป็นอันขาด และหากถามว่ามาตรา 1 แก้ไขได้หรือไม่ หากลองไปเปิดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 (8) เขียนไว้ว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 หมวดที่ 2 และหมวดที่ 15 ต้องผ่านการทำประชามติจากประชาชนก่อน ดังนั้นเมื่ออ่านรัฐธรรมนูญแล้วสามารถแก้ได้ แต่เมื่อแก้แล้วห้ามมีผลเปลี่ยนแปลงการปกครองในรูปแบบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ห้ามเปลี่ยนรูปแบบการปกครองของรัฐจากราชอาณาจักรเป็นรูปแบบอื่น และห้ามเปลี่ยนรูปแบบรัฐจากรัฐเดี่ยวไปเป็นสหพันธ์นี่คือข้อจำกัด แต่หากมีการแก้ประเทศไทยก็ได้ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีการแก้ไขใดที่กระทบกับ 3 เงื่อนไขนี้หรือไม่

“ดังนั้นสิ่งที่ผู้บัญชาการทหารบกบรรยาย เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดเป็นการนำความเห็นของนักวิชาการคนหนึ่งยกขึ้นมาทำลายความชอบธรรมในการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้าน โดยพยายามยึดโยงว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพรรคฝ่ายค้านยืนยันแล้วว่าไม่จริง และเคยยืนยันแล้วว่าการแก้ไขจะไม่เข้าไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 โดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามระบบ ตรงกันข้าม เวลาคณะรัฐประหารเข้ามาก็ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ เท่ากับข้อห้ามในการแก้ไขไม่มีอีกต่อไปแล้ว รัฐธรรมนูญกลับไปเป็นปีศูนย์ ไม่มีอะไรเป็นกรอบเป็นเกณฑ์ ดังนั้นการฉีดรัฐธรรมนูญโดยรัฐประหารหรือไม่ที่จะเป็นการเปลี่ยน อยากให้คิดให้ดีว่า คนที่มีปากกา คนที่มีมือ คนที่มีความคิด กับคนทีมีอาวุธ ใครกันแน่ที่ละเมิดมาตรา 1 ได้มากกว่ากัน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ทหารและกองทัพในสมัยใหม่ จะออกมาจากการเมืองและทำหน้าที่รักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร จะไม่เข้ามาเล่นการเมืองในต่างประเทศไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทหารบกออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แค่จุดเล็กๆ จุดนี้แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยสมัยใหม่ในต่างประเทศไม่ให้เอากองทัพมายุ่งกับการเมือง ตรงกันข้ามกับประเทศไทย

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ขอตั้งคำถามไปยังผู้บัญชาการทหารบก ที่กล่าวว่าประเทศมีปัญหาต่างๆ มากมาย หากปัญหาใหญ่จะฝากความหวังไว้ที่กองทัพที่ไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย แทรกแซงการเมืองได้เสมอ พร้อมรัฐประหารทุกเวลา และยังติดอยู่ในยุคของสงครามเย็น รวมถึงจะฝากไว้กับสื่อยุยงปลุกปั่นที่เรียกว่าดาวสยาม 4.0 ได้หรือไม่ จึงอยากเชิญชวนผู้บัญชาการทหารบกและกองทัพ มาร่วมพูดคุย อย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ต้องเลิกวิธีการสร้างศัตรูภายในใจ ต้องบอกว่าความเห็นที่แตกต่างกันนั้นสามารถอยู่อาศัยร่วมกัน ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าปรากฏการณ์ของพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นแล้ว มีประชาชนคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ตื่นรู้ และหากแก้ปัญหาโดยการมองว่าคนเหล่านี้ถูกปลุกปั่น ก็จะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จะแก้ไขปัญหาด้วยการกำจัดคนเหล่านี้ให้ออกไปจากประเทศไทยหรือ หรือจะตีกรอบให้ไม่มีเสรีภาพ จะเอาไปปรับทัศนคติอย่างนั้นหรือ

“ขอเรียนท่านผู้บัญชาการทหารบกว่าอย่ากังวลใจกับผม อย่ากังวลใจกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่ากังวลใจกับพรรคอนาคตใหม่ อย่ากังวลใจกับคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ท่านอาจจะคิดว่าผมเป็นพวกซ้ายจัดดัดจริต คนพวกนี้ชอบแต่จะศึกษาเรื่องราวปฏิวัติ เรื่องนี้ผมไม่เถียง ผมศึกษาเรื่องการปฏิวัติทั่วโลก เพื่อเป็นบทเรียนและพิจารณาร่วมกันว่าทำอย่างไรให้ประเทศไทยไม่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ การเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้เกิดขึ้นได้สองรูปแบบ คือ การปฏิวัติและการปฏิรูป ดังนั้นการที่ผมศึกษาเรื่องการปฏิวัติ แต่ผมสนับสนุนและอยากให้ประเทศไทยเกิดปฏิรูป ให้คนในชาติได้อยู่อาศัยร่วมกัน เพราะ 13 ปีที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศ ที่ผ่านมาผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงผม ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง แต่วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่วันนี้เรามีแต่ความปรารถนาดีที่พร้อมจะปฏิรูปประเทศไปด้วยกัน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การที่ผู้บัญชาการทหารบกบรรยายเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) ไม่ได้ส่งผลดี ไม่ได้ช่วยแก้ไข ตรงกันข้ามกลับตอกลิ่มสร้างความแตกแยก แบ่งแยก สร้างความเกลียดชัง สิ่งที่ผู้บัญชาการทหารบกพูด กำลังไปกระตุ้นในสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด และการทำพรรคอนาคตใหม่ของตนร่วมกับนายธนาธร ยอมรับว่ามีเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ และมีคนรุ่นผู้ปกครอง รุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ให้การสนับสนุนพรรค การก่อตั้งพรรค ไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกรุ่นของคนในชาติ มีแต่จะชี้ให้เห็นปัญหาของคนทุกคนว่าต้องการที่จะใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ ไม่อยากติดลมความขัดแย้ง 13 ปีที่ผ่านมา แทนที่ผู้บัญชาการทหารบกจะสร้างความเข้าใจ แต่กลับไปตอกลิ่มซ้ำลงไปในอนาคตอาจเกิดความแตกแยกทางรุ่นขึ้นได้ เราจะบริหารประเทศอย่างไรหากผู้บัญชาการทหารบกออกมาพูดลักษณะนี้ ขออย่าดูถูกมันสมองของวัยรุ่นว่าตามยุคสมัยไม่ทัน หากใช้วิธีนี้แก้ไขปัญหา นานเข้าเกิดความฝังลึกลงไป ทางที่ดีผู้บัญชาการทหารบกควรทำความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ในลักษณะเปิดกว้างว่าคนรุ่นใหม่ต้องการเห็นอะไร เห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ขอวิงวอนอย่าใช้วิธีการแบบนี้เพื่อจะแก้ไขปัญหาร่วมกัน และการบรรยายของผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวานนี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพพร้อมกับประชาธิปไตย และต้องสนับสนุนหลักการรัฐบาลพลเรือนขึ้นมาอยู่เหนือกองทัพให้ได้ และสาเหตุที่ตนจำเป็นต้องออกมาบรรยายพิเศษในวันนี้ เพราะมีความกังวลใจว่าการบรรยายของผู้บัญชาการทหารบกจะสร้างปัญหาลุกลามบานปลายไปมากกว่าเดิม จะสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติไปมากกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายปิยบุตร บรรยายพิเศษ หัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชน ในการสร้างชาติ” ประมาณ 40 นาที มีชายคนหนึ่งที่มาร่วมรับฟังการบรรยาย พยายามถามแทรกนายปิยบุตรเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงที่นายปิยบุตร อธิบายถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชนวนความขัดแย้ง และบทบาทกองทัพ จนทำให้ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ที่มาร่วมรับฟังได้ตะโกนขอให้ชายคนดังกล่าวออกจากพื้นที่บรรยาย แต่นายปิยบุตร ได้กล่าวขอให้ชายคนดังกล่าวใจเย็นๆ และรอฟังการบรรยายให้จบแล้วจะตอบข้อสงสัยทั้งหมด พร้อมขอให้ผู้สนับสนุนเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้รับฟังการบรรยายโดยไม่ปิดกั้น เพราะพื้นที่พรรคอนาคตใหม่เป็นพื้นที่เสรีภาพ ทำให้บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย การบรรยายจึงดำเนินต่อไป

ภายหลังการเสร็จสิ้นการบรรยาย นายปิยบุตร ได้เปิดโอกาสให้ชายคนดังกล่าวซักถามข้อสงสัย จนจบ และเมื่อนายปิยบุตร ตอบคำถามจบ ชายคนดังกล่าวได้เข้ามาจับมือและขอบคุณนายปิยบุตรที่เปิดโอกาสให้ได้แสดงความคิดเห็น

'ธนาธร' เรียกร้องอย่าสร้างความเกลียดชัง ระบุจีนไม่ได้ระบุชื่อบุคคลในแถลงการณ์

วันนี้ (12 ต.ค. 2562) หลังชี้แจงผ่านเฟสบุ๊ค กรณีภาพถ่ายคู่ร่วมกับนายโจชัว หว่อง โดยทางการจีนออกแถลงการณ์ท้วงติงนักการเมืองไทยแทรกแซงการเมืองจีน-ฮ่องกง ขณะที่พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก บรรยายพิเศษอ้างว่านักการเมืองนักธรุกิจบางคนเจาะฐานคนรุ่นใหม่ หวังชวนเชื่อสื่อนัยยะทางการเมืองนั้น

ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงที่จังหวัดนครปฐม ระบุว่า ผู้บัญชาการทหารบกพูดโดยไม่เข้าใจบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป นายธนาธรจึงเรียกร้องทุกฝ่ายอย่าสร้างความเกลียดชัง ในช่วงเวลานำพาประเทศไทยก้าวหน้าสู่ความเป็นประธิปไตย และชี้ว่าการพูดของผู้บัญชาการทหารบกนั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์ที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ทำให้สังคมแบ่งแยกเกิดความเกลียดชัง

นายธนาธร ยังระบุถึงแถลงการณ์ของจีนที่ท้วงติงนักการเมืองไทย ว่าจีนไม่ได้ระบุชื่อบุคคลในแถลงการณ์ดังกล่าว จึงไม่ทราบว่าหมายถึงตัวเองหรือไม่ และย้ำว่าการไปร่วมเสวนาที่ฮ่องกงได้รับเชิญในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยองค์กรสื่อระดับโลกที่ไปร่วมเสวนาพูดถึงอนาคตของเอเชีย และเห็นว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของหัวหน้าพรรคสามารถทำได้ ไม่ใช่ปัญหาหรือต้องระวังในการวางตัว พร้อมเล่าว่าระหว่างการพูดคุยนาน 5 นาที กับนายโจชัว หว่อง ได้พูดคุยเรื่องประชาธิปไตย การได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพภายใต้บริบทสังคมที่แตกต่างกัน

นายธนาธร ย้ำว่าจะไม่ตอบโต้ผู้บัญชาการทหารบก โดยวันนี้รองศาสตราจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค จะแถลงชี้แจง ส่วนข้อกังกวลของผู้บัญชาการทหารบกว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และอาจก่อให้เกิดการกระตุ้นระดมคนรุ่นใหม่ให้เกิดแบบอย่างในฮ่องกง โดยยืนยันการไปร่วมวงเสวนาในฐานะหัวหน้าพรรคจะไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคอนาคตใหม่ แม้ กกต.จะตรวจสอบก็ยินดี

ทั้งนี้กรณีที่มีกลุ่มบุคคล สื่อมวลชน และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวหาตัวเองมีส่วนร่วมกับการก่อความไม่สงบในประเทศจีนนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่าเชื่อมโยง มีเพียงรูปถ่ายเพียงใบเดียวเท่านั้น โดยนายธนาธรเห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นอีกครั้ง ที่มีการทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองและพรรคอนาคตใหม่ พร้อมขอประชาชนรับข้อมูข่าวสารรอบด้านเป็นธรรม


ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย | Thai PBS


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net