อนุทิน เดินหน้ารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อไร้ปัญหาส่งมอบพื้นที่ ยืนยันไม่มีการชดเชยเป็นตัวเงินหากส่งมอบพื้นที่ล่าช้า เผยนายกฯ กับชับรัฐต้องช่วยเหลือเอกชน ด้านสุรเชษฐ์ ส.ส. อนาคตใหม่ ท้าศักดิ์สยามดีเบต ซัดแผนแม่บทคมนาคมวางไว้อย่างมั่วซั่ว
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
16 ต.ค. 2562 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบควาามคืบหน้า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา พร้อมปรับเงื่อนไขการส่งมอบพื้นที่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งรัฐและเอกชน
อนุทิน กล่าวว่า แต่ละหน่วยงานต้องเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อย้ายสาธารณูปโภคที่อยู่ในส่วนรับผิดชอบออกจากพื้นที่ก่อสร้าง โดยฝ่ายรัฐมีความพร้อม นายกรัฐมนตรีกำชับว่า ภาครัฐจะต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ให้การเดินหน้าโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ใช่ให้ฝ่ายเอกชนออกแรงเพียงฝ่ายเดียว ถือว่าการทำงานทั้งรัฐและเอกชนมีความเข้าใจตรงกัน และจะมีการลงนามในสัญญาดำเนินโครงการ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ในการลงนาม
“หากส่งมอบพื้นที่ล่าช้า จะไม่มีการชดเชยในเรื่องของเงิน แต่จะเป็นการขยายเวลา ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา และสามารถมาพูดคุยกันได้ หากมีอุปสรรคระหว่างดำเนินโครงการบนพื้นฐานสิทธิเท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย ผมยังให้ความเชื่อมั่นว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายรื้อสาธารณูปโภคของภาครัฐ เนื่องจากเป็นงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน ในขณะที่ EEC ก็มีงบประมาณส่วนหนึ่งในการดำเนินการอยู่แล้วถือ เป็นการใช้จ่ายในประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์ ทุกหน่วยงานจึงไม่จำเป็นต้องห่วงงบประมาณ” นายอนุทิน กล่าว
อนุทิน กล่าวว่า ได้กำชับศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน หากมีประเด็นที่ต้องแก้ไข แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะรัฐบาลมองที่ผลสำเร็จของโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นว่า โครงการ EEC เดินหน้าต่อไป และเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และว่า วันที่ 25 ต.ค. นี้ จะมีการลงนามสัญญาโครงการก่อสร้าง โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมเป็นประธานสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า โครงการดังกล่าวได้มียื่นญัติขอตั้งคณะกรรมธิการวิสามัญเพื่อศึกษาตรวจสอบการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2562 ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคม ตอบกระทู้ฝ่ายค้านว่ากระทรวงคมนาคมได้มีการศึกษาข้อมูลและทำแผนของกระทรวงคมนาคมทั้งหมดของประเทศไทยซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และจะเสร็จสิ้นในปี 2579
โดยวันนี้ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแผนแม่บทยุทธศาสตร์ 20 ปี ดังกล่าว สิ่งที่ประเทศไทยต้องการจริงๆ สำหรับด้านคมนาคมนั้นคือเส้นเลือดฝอย คือระบบรถเมล์ ต้องมองปัญหาแบบ “Door to Door” ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับแผนแม่บทการคมนาคม ถอดโครงการที่ซ้ำซ้อนออกแล้วให้ความสำคัญกับลำดับในการพัฒนา นอกจากนี้ยังต้องเนินการพัฒนาเมืองไปด้วย
สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า แผนแม่บทของรัฐบาลปัจจุบัน วางมาอย่างมั่วซั่ว โดยท้าให้มีการจัดเวทีดีเบต ถกเถียงว่าแผนงานปัจจุบันของรัฐบาลนั้น ใหญ่เกินความจำเป็นไม่คุ้มค่าตามที่ตนพูดจริงหรือไม่ รัฐมนตรีต้องยืนยันได้ว่าแผนแม่บทนี้คุ้มค่าต่อเงินภาษีของประชาชนจริงหรือไม่ ถึงจะสมศักดิ์ศรีความเป็นรัฐมนตรี หากมั่นใจว่าแผนงานปัจจุบันนั้นคุ้มค่าและควรเดินตามก็ควรกล้าออกมาดีเบต ถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล แต่ห้ามทุบโต๊ะ ห้ามเรียกตนไปปรับทัศนคติ
ทั้งนี้ตนและพรรคอนาคตใหม่ กำลังเตรียมตัวสำหรับการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งตนจะร่วมอภิปราย พรบ.ดังกล่าว ในส่วนของงบที่เกี่ยวกับการคมนาคม และตั้งคำถามถึง รมว.คมนาคมอีกครั้ง ในวันที่ 17 – 19 ต.ค. นี้
เรียบเรียงจาก : ข่าวสดออนไลน์ , สำนักข่าวไทย