พลเอกอภิรัชต์และคอมมิวนิสต์ในมโน

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

หลังจากฟังพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ทำให้ผมนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เคยดูโทรทัศน์ขาวดำ ช่องแปดลำปางเป็นละครต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์โดยมีฉากสมมติคือสังคมไทยถูกคอมมิวนิสต์ยึดครอง และจับคนไทยมาเป็นควายไถนา พระสงฆ์ถูกจับสึก บ้านเมืองฉิบหายหมด อันเป็นฉากที่ถูกสร้างจากจินตนาการของ กอรมน.ในช่วงรัฐบาลกึ่งเผด็จการอย่างพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์เลยทีเดียว พอผมโตมาหน่อยก็เริ่มเห็นความเสื่อมลงของคอมมิวนิสต์ เห็นการล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกเมื่อปี 1989 ได้ตกตะลึงถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 (ปีเดียวกับที่คุณพ่อของ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันนำ รสช.ยึดอำนาจจาก พลเอกชาติชาย ชุณหวัน ที่มาจากการเลือกตั้ง) พอเวลา 12.01 ของวันที่ 1 มกราคม ปี 1992 โซเวียตก็หายจากแผนที่โลก

คำต่อคำ: ชาติไทยและภัยความมั่นคงในความนึกคิดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ปัจจุบันประเทศที่บอกว่าตัวยังสมาทานลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่มีแค่ 5 ประเทศคือ คิวบา ลาว เวียดนาม จีน และเกาหลีเหนือ แต่ทุกประเทศยกเว้นเกาหลีเหนือก็เอาลัทธิทุนนิยมเอามาผสมกลมกลืนกับระบบเศรษฐกิจของตนเสียจนถ้า คาร์ล มาร์กซ์ยังมีชีวิตอยู่คงจะต้องสะอื้นไห้ แต่อย่างไรก็ตามประเทศเหล่านั้นก็ไม่ได้รวมหัวกันในการเปลี่ยนแปลงโลกเข้าสู่สังคมเผด็จการแบบกรรมาชีพตามทฤษฎีของมาร์กซ์อีกต่อไป

ในช่วงสงครามเย็น ประเทศที่ชนชั้นนำของไทยกลัวแสนกลัวมานานคือจีนซึ่งเป็นประเทศใหญ่หลังม่านไม้ไผ่ที่มีข่าวลือว่าจ้องจะครอบงำประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างเช่นสงครามเวียดนามซึ่งจีนเคยให้การสนับสนุนเวียดนามเหนืออยู่ช่วงหนึ่ง (ก่อนเวียดนามจะโผไปซบอกโซเวียต) และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ก็ได้รับการสนับสนุนจากจีนแดง สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ฝักใฝ่ลัทธิเหมา เมื่อสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในสงครามเวียดนามและค่อยๆ ถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคอุษาคเนย์จนหมดในปี 1975 ชนชั้นนำของไทยจึงหันมาญาติดีกับจีน โดยความหวังว่าจะช่วยคานอำนาจกับเวียดนามซึ่งรวมประเทศได้สำเร็จในปีเดียวกันและยังจะระลึกถึงเราอย่างดีในฐานะประเทศเพื่อนบ้านซึ่งยอมเป็นที่ตั้งให้สหรัฐฯ ใช้เป็นฐานทัพในการบินไปถล่มกรุงฮานอย และเรายังหวังว่าจีนจะยุติการช่วยเหลือ พคท. ผลก็คือการจับมือของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชกับ เหมา เจ๋อตง ที่กรุงเป่ยจิ่งในปีก็ 1975 อีกเช่นกัน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พคท.ต้องล่มสลายในไม่เกินอีกหนึ่งทศวรรษต่อมา

ปัจจุบันเราจึงได้เห็นสหายเก่าวัยโรยราในคราบของอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว เอ็นจีโอ นักกิจกรรมทางสังคมฯลฯ ซึ่งส่วนหนึ่งเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และกปปส. ในทางกลับกันหลายคนได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณและเครือข่าย

ในปี 2019 นี้คุณแดง ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดทหารเต็มยศ มีเหรียญเกียติยศห้อยจนรุงรังอยู่เต็มเสื้อ (แต่บอกว่าตัวเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง) ได้ชี้ว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีความคิดคอมมิวนิสต์ค้างในสมอง และได้ร่วมกับกลุ่มอื่นในการโฆษณาชวนเชื่อสร้างความวุ่นวายอันจะนำไปสู่ความล่มจมของรัฐ แน่นอนว่าเขาหมายถึงอาจารย์หรือสหายเก่า (นึกถึงหน้า ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระขึ้นมาเลย ทั้งที่แกก็ไม่เคยยกย่องหรือต้องการรื้อฟื้นแนวคิดคอมมิวนิสต์เลยแม้แต่น้อย สงสัยว่าคุณแดงเคยอ่านหนังสือหรือฟังคำบรรยายของแกบ้างหรือเปล่า) ที่ร่วมกับเครือข่ายอื่นในการทำสงครามลูกผสม รวมไปถึงซ้ายดัดจริตที่จบเมืองนอก ชอบอ้าง 2475 ซึ่งน่าจะหมายถึงปิยบุตร ทั้งที่ปิยบุตรไม่เคยยกย่องลัทธิคอมมิวนิสต์เลย อันสะท้อนว่าอภิรัชต์ไม่มีความเข้าใจถึงเรื่องอุดมการณ์อันซับซ้อนเลยว่า ปิยบุตรมีแนวคิดออกไปทางเสรีนิยมประชาธิปไตยเสียมากกว่า แต่ขวาดัดจริตอย่างคุณแดงจึงมักเข้าใจว่าใครเห็นต่างจากตนจะเป็นซ้ายหมด

กระนั้นผมเกิดสงสัยว่าคุณแดงมีความรู้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์นั้นเป็นอย่างไรกันแน่ ท่านเพียงแต่บอกในช่วงท้ายว่า

"สุดท้ายที่เป็นองค์ประกอบของสงครามลูกผสมคือ สงครามเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างสงครามการค้าระหว่างจีน และอเมริกา ซึ่งส่งผลต่อทุกประเทศ แต่ก็มีกลุ่มที่แสวงประโยชน์ทางการเมือง เช่น นำภาพคนอดอยากมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง ชอบมีการนำภาพคนจนออกมา สร้างภาพว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล .... ชอบมีการนำภาพคนจนออกมา สร้างภาพว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล"

ประโยคนี้สะท้อนว่าคุณแดงต้องการใส่ร้ายสื่อ ซึ่งนำเสนอผลกระทบของชีวิตชาวบ้านอันเกิดจากการบริหารเศรษฐกิจไม่ได้เรื่องของรัฐบาลว่าสื่อเหล่านั้นฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ อันนอกจากจะเสนอภาพลัทธิคอมมิวนิสต์แบบผิวเผินอันบ่งบอกว่าแกไม่รู้จักลัทธินี้เท่าไร หรือถ้ารู้จักก็เป็นการโกหกหน้าตาเฉยเพราะเราก็รู้กันดีว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ใครๆ ก็รู้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ตั้งแต่ก่อนสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แล้วและสื่อเกือบร้อยเปอร์เซนต์ซึ่งไม่ได้ถูกใครบงการ (ที่ยกเว้นได้แก่กรมประชาสัมพันธ์ เนชั่นและทีนิวส์) จะเสนอข่าวด้านดีแต่อย่างเดียวได้อย่างไร

ผมเลยคิดว่าคุณแดงแกได้พยามผลิตซ้ำเครือข่าย "ผู้ร้าย" ในส่วนหนึ่งของทฤษฎีสมคบคิดเหมือนแผนผังล้มเจ้าในสมัยก่อนเพื่อใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้ามโดยใช้คำเดิมที่ดูออกด้านลบและรุนแรงสำหรับสังคมไทยนั่นคือ "คอมมิวนิสต์" ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเข้ากับบริบทของประเทศไทยและโลกอย่างข้างบนได้อีกต่อก็ตาม

ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือรัฐบาลประยุทธ์และเจ้าบางพระองค์เป็นมิตรที่ดีกับจีนแผ่นดินใหญ่ไปเสียแล้ว และไม่มีเหตุผลว่าทำไมความคิดคอมมิวนิสต์จะต้องค้างในหัวของสหายเก่าอีกเข่นกันเพราะ Grand narrative หรือคำทำนายของมาร์กซ์ดูเหมือนจะจบสิ้นไปพร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต (เอาตามจริงพรรคคอมมิวนิสต์ก็ยำแนวคิดมาร์กซ์เสียเละ โดยเอียงข้างไปทางแนวคิดเลนินและสตาลินหรือแม้แต่เหมาเสียมากกว่าตั้งแต่ต้น) คิดว่าอภิรัชต์คงหมายถึง "พวกหัวรุนแรงที่เป็นภัยต่อชาติและพระมหากษัตริย์" โดยแกใช้คำว่า "หลงผิด" และยกย่องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรมซึ่งเคยคุยว่าเป็นคอมมิวนิสต์เก่า ว่าบัดนี้ตาสว่างแล้วเพื่อด่ากระทบคนเหล่านั้น และหากเดาจากบริบทปัจจุบัน อภิรัชต์ต้องการใช้คำว่า "กลุ่มเสื้อแดง" "กลุ่มฝักใฝ่แม้ว" และ "กลุ่มอนาคตใหม่" นั่นเองแต่กลัวว่าจะถูกโจมตีว่าก้าวไม่ข้ามสีเสื้อ แกจึงหันกลับมา recycle คำว่าคอมมิวนิสต์อีกครั้งทั้งที่คำพูดก่อนหน้านี้ก็บอกเป็นนัยก็หมายถึงเสื้อแดงนั้นเอง อภิรัชต์พยายามบอกเป็นนัยว่ากลุ่มเสื้อแดงทำสงครามยึดครองไทยในทุกด้านโดยเฉพาะโดยการล้างสมองเยาวชนผ่านนักวิชาการ คุณแดงยังใช้คำว่า propaganda หรือโฆษณาชวนเชื่อทำให้ผมเกือบหัวเราะมาดังๆ แสดงว่ารัฐไทยที่ผ่านมาไม่เคยใช้ประโยชน์จากคำนี้กับเยาวชนเลย กระนั้นด้วยความตั้งใจจะให้ทฤษฏีของแกดูครอบคลุมและสมจริงมากที่สุด แกก็ยังบอกอีกว่า

"สงครามข้อมูลข่าวสารและการโฆษณาชวนเชื่อไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังสร้างสัญลักษณ์ เช่น เสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อดำ เสื้อหลากสี ชูสามนิ้ว นี่คือการสร้างสัญลักษณ์ให้เกิดการจดจำว่าถ้าทำแบบนี้กูพวกเดียวกัน บอกเลยนะครับที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เหตุบังเอิญ"

การระบุถึงเสื้อเหลืองด้วยถือได้ว่าเป็นการย้อนแย้งเพราะคุณแดงน่าจะรู้ดีว่าสนธิญาณที่แกยกย่องในงานเป็นลูกน้องของสนธิ ลิ้มทองกุลผู้นำพันธมิตรที่เป็นคนแรกที่นำเสื้อสีเหลืองมาใช้ประโยชน์ทางการเมืองมาและสนธิญาณยังเป็นแกนนำของกลุ่มกปปส.ที่ใช้สีเหลืองเป็นเครื่องมืออีกเช่นกัน

แค่บางส่วนที่ยกมานี้ในบทความนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถ้าคุณแดงไม่ตั้งใจะมั่วเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง แกก็ไม่ know any shit เลย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท