Skip to main content
sharethis

วิทยุเอเชียเสรี หรือ RFA นำเสนอเรื่องราวการเดินทางลี้ภัยของชาวเกาหลีเหนือ 13 คน ที่พยายามลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาศัยระยะเวลาเดินทางอย่างยากลำบากยาวนาน 2 เดือน รวมเป็นระยะทางราว 6,000 กม. ผ่านเส้นทางแม่น้ำโขงและผ่านภูเขา 7 ลูกทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้ลี้ภัยในเกาหลีใต้

แฟ้มภาพพรมแดนจีน-เกาหลีเหนือที่จี้หลิน ภาพถ่ายเมื่อปี 2007 ทั้งนี้ผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือจะเดินทางไปถึงเกาหลีใต้ได้ต้องอ้อมไปทางชายแดนจีน มุ่งตรงไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขอลี้ภัยถาวรในเกาหลีใต้  (ที่มา: Prince Roy/Wikipedia)

กลุ่มผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ 13 คน เดินทางถึงที่หมายในประเทศแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ทาง RFA ไม่ได้ระบุตัวตนของผู้คนเหล่านี้เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับพวกเขา โดยในกลุ่มนักเดินทางลี้ภัยนี้มีเด็กหญิงและเด็กชายรวมอยู่ด้วย  2 ราย ที่เหลือเป็นคนในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงคนในช่วงวัย 50

คนกลุ่มนี้เดินทางผ่านทางจีนเป็นประเทศแรก โดยต้องอยู่อย่างหลบซ่อนเป็นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์เพื่อไม่ให้ถูกสอดแนม อาศัยวิธีการเดินทาง 13 วิธี พวกเขาเดินทางข้ามภูเขา 7 ลูกท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนก่อนที่จะไปถึงประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชะตากรรมของพวกเขาอยู่บนความไม่แน่นอนเมื่อต้องเดินทางข้ามแม่น้ำโขงด้วยเรือลำเล็กๆ ในช่วงที่มืดสนิท พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรในอีกฟากฝั่งหนึ่ง

เมื่อผู้ลี้ภัยเหล่านี้ขึ้นฝั่งแล้ว พวกเขาก็เจอกับเจ้าหน้าที่จากองค์กรสิทธิมนุษยชนนาวแอ็กชันยูนิตีฟอร์ฮิวแมนไรท์ (NAUH) ที่ค้นหาพวกเขา มีอยู่ 8 ใน 13 คนที่เดินทางออกจากเกาหลีเหนือและมุ่งตรงไปยังประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนที่เหลือเป็นคนที่ปักหลักอยู่ในจีนชั่วคราวก่อนที่จะไปเข้าร่วมกับคนอื่น โดยที่พวกเขาหวังว่าจะได้ไปตั้งรกรากใหม่ในเกาหลีใต้

ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งนามสมมุติว่า คิมจินเฮ บอกว่าเธอหนีออกจากเกาหลีเหนือในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพราะเธอถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพทำให้เธอต้องทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นหมอ เธอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าเธอรู้สึกทุกข์ยากหลังจากการเดินทางครั้งนี้ แต่เธอก็ควรจะคิดว่ามันเป็นหนทางเดียวที่เธอจะสามารถคว้าความฝันและอนาคตของเธอเอาไว้ได้

ผู้ลี้ภัยอีกรายหนึ่งนามสมมุติว่าลีชุนฮวาบอกว่าที่เธอต้องการขอลี้ภัยในประเทศอื่นเพราะเธอเกลียดความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงการที่รัฐบาลเกาหลีเหนือทำการปราบปรามอย่างหนักแม้แต่การต่อต้านเล็กๆ น้อยๆ นอกจากนี้เธอยังเกลียดการทุจริตของสังคมเกาหลีเหนือที่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า เธอบอกว่าเธออยากเดินทางไปประเทศอื่นๆ ได้ตามที่เธอต้องการ แม้กระทั่งคนรวยในเกาหลีเหนือก็พยายามหาทางจะออกจากประเทศ

ลีกล่าวว่า ผู้คนชาวเกาหลีเหนือคิดว่ารัฐบาลแค่พยายามดูดเงินจากพวกเขาและมันจะดีกว่าถ้ารัฐจะอนุญาตให้ผู้คนดำเนินธุรกิจของตัวเอง ทำให้ผู้คนพากันบอกว่า "ออกจากประเทศนี้กันเถอะ พวกเราจะเป็นเจ้าของกิจการตัวเองได้ในเกาหลีใต้ พวกเราสามารถมีเสรีภาพ ไปแสวงหาเสรีภาพที่นั่นกัน" คนรวยในเกาหลีเหนือก็อยากจะออกมาเพราะรัฐบาลสร้างความยากลำบากให้พวกเขา

ผู้ลี้ภัยที่ใช้นามสมมุติว่าลีจุงซิมเล่าว่าแม่ของเธอหนีไปที่เกาหลีใต้ก่อนหน้านี้แล้วเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา เมื่อคิดถึงว่าจะได้พบกับแม่ที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้วก็ทำให้เธออยากหลั่งน้ำตาออกมา

ก่อนที่จะเดินทางต่อ หนึ่งในผู้ลี้ภัยอายุ 20 ปีชื่อสมมุติว่าปาร์กซูยังบอกว่าเขารู้สึกยินดีมากที่เอ็นจีโอช่วยเหลือเขาในเรื่องการลี้ภัยไปสู่เกาหลีใต้ได้อย่างปลอดภัย และพวกเขาจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในเกาหลีใต้

จีซองโฮ ผู้ก่อตั้ง NAUH ก็เป็นคนที่หลบหนีออกมาจากเกาหลีเหนือเช่นกัน เขาบอกว่าคนที่หนีจากเกาหลีเหนือมีความลำบากตรงที่เสี่ยงต่อการถูกจับกุมในจีน เนื่องจากทางการจีนคุ้มเข้มเรื่องคนหนีออกจากเกาหลีเหนือมากขึ้น มีคนที่หนีจากเกาหลีเหนือโดยมักจะเดินทางผ่านประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขอลี้ภัยอย่างถาวรในเกาหลีใต้ แต่พวกเขาก็มีความเสี่ยงจะถูกจับคุมขังในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถ้าหากรอให้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยซึ่งมีกระบวนการยาวนานถึง 2 เดือน

เรียบเรียงจาก

Group of 13 North Koreans Reach Southeast Asian Destination After Long Trek Through Four Countries, Radio Free Asia, 21-10-2019

หมายเหตุ: ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 62 เวลา 14.39 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net