Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

จำได้ว่าตอนเด็กๆ น้าแอ๊ด คาราบาวเป็นวีรบุรุษในดวงใจผม และผมก็เคยมีเทปของคาราบาวในทศวรรษที่ 20 เกือบทุกม้วน แถมยังร้องเพลงของวงนี้ได้หลายเพลงโดยเฉพาะเพลงโปรดคือเดือนเพ็ญ (ท่องเนื้อเพลงจากหนังสือเพลงพร้อมคอร์ดกีตาร์ซึ่งเคยขายดิบขายดีก่อนยอดจะดิ่งลงเหวเพราะการมาของอินเทอร์เน็ต) ที่เลิฟสุดๆ คือแกกล้าทำเพลงเสียดสีการเมืองในยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ซึ่งถือว่าเป็นยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ (จริงๆ เอาอะไรมาวัดว่าเป็นประชาธิปไตย 50 % เผด็จการ 50% ? จึงน่าจะใช้คำว่า hybrid หรือลูกผสมเสียดีกว่า เช่นประชาธิปไตยลูกผสม) จำได้ติดตาว่าเพลงประชาธิปไตยของแกมีมิวสิกวีดิโอเป็นคนใส่เสื้อแขนสีเขียวกำลังหยิบร่างชาวบ้านขนาดย่อส่วน (ซีจีย่อส่วนแบบกากๆ ในทศวรรษที่ 80) ซึ่งดูก็รู้ว่าเปรียบเปรยว่าทหารกำลังควบคุมชีวิตคนไทย ถือว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐได้อย่างแยบยล และก็สมใจ เมื่อเพลงอื่นของคาราบาวถูกแบนโดย กบว.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่ควบคุมสื่อในยุคนั้นซึ่งน่าจะมีหัวหน้าคือ ดร.โจเซฟ เกบเบิลลูกน้องของฮิตเลอร์ หลายเพลงโดนเพราะเสียดสีการเมือง แต่หลายเพลงใช้ภาษาที่ กบว.กลัวว่าส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสังคม

กระนั้นดูโดยรวมแล้วเพลงคาราบาวก็มีกลิ่นของซ้ายมาผสมอยู่แค่เปลือก อุปมาเหมือนน้ำส้มแฟนต้าที่มีแต่รสหรือกลิ่นปรุงแต่ง ไม่ใช้น้ำส้มแท้จากผลส้ม เพราะไม่เช่นนั้นคงโดนรัฐบาลขวาอนุรักษ์นิยมของไทยยุบวงไปแล้ว แต่เพลงก็จะทำให้เราระลึกถึงชีวิตของคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมไทยสมกับเป็นเจ้าพ่อของวงการเพลงเพื่อชีวิตเช่นเดียวกับการหยิบยกประเด็นทางการเมืองและสังคมดังๆ มาร้องเสียดสีหรือสนับสนุน ในขณะที่เพลงป็อบในยุคนั้น (และยุคนี้) เอาแต่กระหน่ำเพลงรักๆ ใคร่ๆ กรอกหูคนไทย

นอกจากนั้น น้าแอ๊ดแกก็มักอ้างว่าแกเคยเข้าป่ายุค 14 ตุลามาก่อน ผมรู้สึกว่าข้ออ้างเช่นนี้ดูจะไม่มีน้ำหนัก และในวงการวิชาการ ก็ไม่มีใครสนใจแกในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเดือนตุลาฯ เลย ต่อมาแกก็เจ้าร่วมกับการประท้วงพฤษภาทมิฬในปี 2535 กับเซเล็บในยุคนั้นหลายคนอย่างเช่น คุณทิวา สาระจูฑะ บก.นิตยสารสีสัน เมื่อเริ่มมีการปราบปราม คนพวกนี้รวมถึงน้าแอ๊ดก็หายหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลังเหตุการณ์สงบ แกก็ออกอัลบั้มเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กองทัพปราบปรามประชาชนในครั้งนั้น จะเป็นการฉวยโอกาสหรือความปรารถนาดีก็แล้วแต่จะคิด

อย่างไรก็ตามผมคิดว่าจุดเสื่อมของเพลงเพื่อชีวิตคือหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 หรือ 2534 นั่นคืออารมณ์ของคนชอบเสพวาทกรรมเอียงซ้ายในสังคมไทยได้ปลาสนาการไป พร้อมกับชัยชนะของประชาธิปไตยแบบขวาผสมทุนนิยม ถึงแม้คาราบาวและอัลบั้มเดี่ยวของน้าแอ๊ดจะยังคงสอดแทรกเพลงเพื่อชีวิตอยู่ และมีเพลงดังอย่างเช่นเพลงทะเลใจในปี 2537 และความโด่งดังของคาราบาวก็หดหายไปไม่เหมือนกับทศวรรษที่ 20 พร้อมกับพฤติกรรมของน้าแอ๊ดที่ตรงกันข้ามกับภาพของคนที่ใส่ใจกับชีวิตมวลชนที่ยากไร้แบบ Les Miserables อย่างเช่นแต่งเพลงเชียร์โครงการของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (ตรงนี้ทำให้ผมเสื่อมศรัทธาแกไปมากเลย) ใส่เสื้อหนัง ขี่ฮาร์เลย์เดวิดสันเหมือนแก๊งไบเกอร์ในอเมริกา ชอบตีไก่ มีไก่แพงๆ และยังมีข่าวว่าอุ้มไก่หนีตอนเจ้าหน้าที่จะมายึดช่วงไข่หวัดนกระบาด ที่สำคัญแกยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเรื่องดื่มชูกำลังที่ชื่อคาราบาวแดง ทั้งที่แกเคยประณามเครื่องดื่มชูกำลังมาก่อน ในปัจจุบันเพลงและแนวคิดของแกก็หันมา embrace แนวคิดชาติราชานิยม อนุรักษ์นิยมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู เช่นเดียวกับอีกน้าคือน้าหงา คาราวานซึ่งไปแสดงเป็นตัวประกอบในหนังเทิดทูนเจ้าอย่างเรื่องสุริโยทัย ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจว่าน้าแอ๊ดจะมาเป่าแตรประกาศลัทธิชาตินิยมโดยโวยวายให้ร่วมกันสู้สหรัฐฯ เมื่อตาทรัมป์ประกาศตัดจีเอสพีไทย จะเป็นการฉวยโอกาสหรือความปรารถนาดีก็แล้วแต่จะคิด กระนั้นดูจากคำพูดของแกแล้วเดาได้ว่าแกยังไม่รู้เลยว่าจีเอสพีคืออะไร ทำให้สงสัยว่าแล้วแกคิดว่าคนไทยควรจะทำอย่างไรดีนอกจากอาละวาดแบบคนคลั่งชาติเช่นประกาศแบนสินค้าอเมริกันที่พวกเขาไม่มีวันจะเลิกบริโภคได้ สำหรับตัวน้าเองจะแบนสินค้าอเมริกันจริงๆไหมเช่นทิ้งเสื้อหนัง กางเกงยีนแล้วหันมาใส่เสื้อราชปะแตน นุ่งผ้าขะม้าแบบไทยๆ หรือเล่นระนาดแทนกีตาร์ดี หรือแกควรหันมาเล่นกระดานดำแทนเล่นเฟซบุ๊คก็น่าสนใจ

ไม่รู้จะสรุปอะไร จะบอกว่าน้าแอ๊ดเป็นตัวอย่างของคนหัวเอียงซ้ายแล้วหันกลับมาเอียงขวาไหมก็ไม่ใช่ เพราะแกก็ไม่เคยเป็นคนหัวเอียงซ้ายจริงๆ คือแกสนใจประชาธิปไตยเชิงปลายเปิด (คือเน้นที่การเลือกตั้งแต่พร้อมจะไปผสมกับแนวคิดอะไรก็ได้) ไม่ใช่สังคมนิยม อันทำให้แนวคิดของน้าแอ๊ดสามารถหลุดลอยไปยังขวาได้อย่างง่ายดายเพราะผลประโยชน์และสถานการณ์เอื้ออำนวย แม้แต่คนที่จริงแท้กว่าแกคือพวกสหายเก่าที่เคยเข้าป่าก็พบว่าคำทำนายของสหายคาร์ล มาร์กซ์ถึงสังคมอุดมคติของสังคมนิยมไม่มีวันจะเป็นจริง มีแต่ระบบทุนนิยมผสมระบบศักดินาใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาไต่สู่ชื่อเสียงหรืออำนาจได้ สรุปที่ผ่านมาแกเป็นนักแสดงหรือ performer ที่ดีจะแม่นกว่าโดยเฉพาะยุคตั้งแต่พฤษภาทมิฬคือแสดงบทไหนก็ได้ขอให้ตัวเองดังหรือได้ผลประโยชน์
....

คิดถึงน้าแอ๊ดครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net