Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เป็นที่เรียบร้อยกันไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง อันเนื่องมาจากการลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ

จากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนั้น นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ชนะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้

ซึ่งผลการเลือกตั้งดังกล่าว แน่นอนย่อมสร้างความสมหวัง และความผิดหวังให้แก่บรรดากองเชียร์ในส่วนของตนเองเป็นอย่างมาก มีความพยายามหาเหตุผลมาประกอบผลการเลือกตั้งทั้งในแง่มุมของผู้ชนะ และผู้แพ้ กันทั้งสิ้น

ก่อนจะมีการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้นั้น หลายๆ คนที่นอกจากบรรดากองเชียร์แล้วยังรวมไปถึงบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลาย อาจจะมองว่า นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ น่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะเป็นเก้าอี้เดิมของ นางจุมพิตา จันทรขจร ภรรยาของตนเอง ดังนั้นน่าจะเป็นต่อผู้สมัครคนอื่นๆ โดยลืมมองไปว่าชัยชนะของนางจุมพิตา ในครานั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องพลิกความคาดหมายอยู่เช่นกัน ดังนั้นถ้าจะมองกันจริงๆ นายไพรัฏฐโชติก์ ไม่ได้เป็นต่อผู้สมัครรายอื่นๆ เลย

มีความพยายามในการหาเหตุผลมาประกอบการพ่ายแพ้ของนายไพรัฏฐโชติก์ โดยบรรดากองเชียร์ ผู้สนับสนุนพรรค และอาจรวมไปถึงผู้บริหารพรรคบางท่าน ที่ยังคงออกมาในรูปของการทุจริตในการเลือกตั้ง ซึ่งยังคงต้องรอการพิสูจน์กันตามพยานหลักฐาน ที่เป็นเรื่องต้องว่ากันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งในวันพุธ เรื่องของการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นต้น

แต่ถ้าเปิดใจวิเคราะห์กันจริงๆ จะเห็นว่าการตั้งสมมติฐานความพ่ายแพ้นั้น หากเป็นการตั้งโจทย์ผิด ก็จะได้คำตอบที่ผิดเสมอไป

จากข้อมูลการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดนครปฐม เขตนี้ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีผู้มาใช้สิทธิ 109,038 คน บัตรดี 101,879 ใบ บัตรเสีย 4,770 ใบ ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ออกมาว่านางจุมพิตา จันทรขจร ผู้สมัคร จากพรรคอนาคตใหม่มาเป็นลำดับที่ 1 ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 34,164 คะแนน คิดเป็น 33.53% ขณะที่นาย สุรชัย อนุตธโต ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 18,970 คะแนน คิดเป็น 18.62% มาเป็นลำดับที่ 2 ตามมาด้วยนายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนน 18,741 คะแนน คิดเป็น18.40 % มาเป็นลำดับที่ 3 และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคiจากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 12,279 คะแนน คิดเป็น 12.05 % มาเป็นลำดับที่ 4

ขณะที่เมื่อมาเทียบกับการเลือกตั้งซ่อมที่เพิ่งผ่านพ้นมาหมาดๆ จะเห็นว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 91,043 คน บัตรดี จำนวน 87,424 ใบซึ่งผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการตามที่ทราบว่า ลำดับที่ 1 เป็น นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา 37,675 คะแนน คิดเป็น 43.29% ตามมาด้วยลำดับที่ 2 นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ได้ 28,216 คะแนน คิดเป็น 32.27% และนายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 18,425 คะแนน คิดเป็น 21.07%  มาเป็นลำดับที่ 3

ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลตรงนี้ จะสามารถวิเคราะห์โจทย์ได้อย่างถูกต้องว่านายเผดิมชัย ที่ชนะนั้นคะแนนมาจากไหน ซึ่งแน่นอนไม่ได้มาจากคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้คะแนน + 2.45% (ดังนั้นใครที่ปรามาสดูถูกเยาะเย้ยว่าพรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลว ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ต้องคิดใหม่) ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ ก็มีคะแนนลดลงเพียง -1.26% เท่านั้น ดังนั้นคะแนนที่นายเผดิมชัย ได้รับจึงมาจากคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ และคะแนนจากพรรคที่เคยส่งคนลงสมัคร แต่ครั้งนี้ไม่ส่ง เป็นหลัก และมีคะแนนบางส่วนจากพรรคที่ส่งคนลงสมัครทั้งสองครั้ง แต่คะแนนในครั้งนี้ลดลงในสัดส่วนที่สูง

ดังนั้น ถ้ามองโจทย์ตรงนี้ถูก ก็จะเห็นได้ชัดว่าชัยชนะของนายเผดิมชัย ไม่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มหรือลดลงของความนิยมที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีต่อพรรคอนาคตใหม่เลย เพราะในทางการเมืองฐานคะแนนเสียงสำหรับการเลือกตั้งนี่ + เกิน 5% อยู่แล้ว เพราะต่อให้พรรคอนาคตใหม่ ได้รับคะแนน 33.53% เท่าเดิม ก็ยังแพ้นายเผดิมชัยอยู่ดี เพราะคะแนนของนายเผดิมชัยที่เพิ่มขึ้นถึง +31.24% มาจากส่วนอื่นดังที่กล่าว คะแนนของพรรคอนาคตใหม่ที่หายไป 1.26% อาจไปเพิ่มให้พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เพิ่มมาก็ได้ใครจะรู้

ส่วนใครที่มองว่าความพ่ายแพ้ของพรรคอนาคตใหม่มาจากฐานเสียงของพรรคฝ่ายคุณทักษิณ ไม่ลงคะแนนเลือกพรรคอนาคตใหม่ เพราะการที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไปพูดพาดพิงคุณทักษิณ ก็คงต้องทำความเข้าใจใหม่เช่นกัน เพราะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร แม้จะมีการส่งผู้สมัครลงแข่งขันในนามพรรคไทยรักษาชาติ(ก่อนจะถูกยุบ) ก็ตาม คะแนนตรงนี้แทบไม่มีผลเลย เพราะผู้สมัครคนดังกล่าวนั้น มีฐานคะแนนน้อยมาก เคยเป็น นายก อบต.บ้านใหม่ ซึ่งการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยของตระกูลสะสมทรัพย์ต่างหาก ที่เป็นส่วนสำคัญในการเลือกตั้งของพื้นที่นี้

ส่วนพรรคอนาคตใหม่ คะแนนของพรรคที่หายไป 1.26% ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆ เลย การไปโทษโน่นโทษนี่ จึงไม่ใช่สิ่งพึงทำ เพราะถ้าดูจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาแล้วในพื้นที่นี้ทั้ง 2 ครั้ง การเป็นพรรคที่ก่อกำเนิดใหม่ที่ไม่มีระบบหัวคะแนน แล้วมีฐานคะแนนอยู่ในเกณฑ์ 30% ขึ้น ในพื้นที่ใต้ร่มเงาของบ้านใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์นี่ถือว่าไม่ธรรมดาเลย

จะเดินหน้าต่อ ต้องตั้งโจทย์ให้ถูก เพราะถ้าโจทย์ผิด คำตอบก็จะผิดเสมอ เพราะการมีฐานคะแนนเสียงอยู่ในเกณฑ์นี้นี่

ถือเป็น“ความปราชัย...ที่ไม่ได้แพ้”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net