'ต้อม ยุทธเลิศ' ทวิตชี้แจงและขออภัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ เหตุใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ หลังเข้าชี้แจงเลขาฯ ยันไม่มีเจตนาหมิ่น ศูนย์ทนายฯ หวั่นบรรทัดฐานเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ถูกลดระดับลงมาอย่างน่าเป็นห่วง กระทบการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรมของไทย

28 ต.ค.2562 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ ยุทธเลิศ  ลิปปภาค หรือ ต้อม ยุทธเลิศ  ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว ยุทธเลิศ @yuhtlerd ชี้แจงและขออภัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีข้อความระบุว่า วันที่ 25 ต.ค.2562 ตนได้ไปพบเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ผมใช้ข้อความในทวิตเตอร์สอบถามเพื่อนในทวิตเตอร์  โดยอาจเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมไปสู่สาธารณะ ซึ่งผมไม่ได้มีเจตนาต่อว่าศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

“แต่อย่างไรก็ดี ผมรู้สึกในความผิดพลาดและขออภัยต่อศาล มาด้วยความเคารพ หากด้วยหน้าที่การงานที่ผมทำสามารถสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบถึงสิทธิหน้าที่ ขอบเขตทางกฎหมาย ในการแสดงความคิดเห็น หรือการใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อศาล ผมยินดีน้อมปฏิบัติด้วยความเต็มใจ สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณศาลที่ให้โอกาสผมได้ชี้แจงข้อเท็จจริง จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ (จบ)” ยุทธเลิศ ระบุ    

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียก โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ บิดาของนาย จอห์น วิญญู มาชี้แจงกรณีวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการรับคำร้อง 32 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลถือครองหุ้นสื่อไว้พิจารณาแต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้อม ยุทธเลิศ ก็ได้มีการทวิตข้อความวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเวลาต่อมา โกวิทได้เข้าชี้แจงต่อเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็ได้มีการโพสต์ข้อความขออภัยศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการดำเนินคดีฐานละเมิดศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

(ที่มา : สำนักข่าวไทย ผู้จัดการออนไลน์ และไทยพีบีเอส)

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเองเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า แม้กรณีของ รศ.โกวิท และต้อม ยุทธเลิศ ยังไม่ได้กลายเป็นคดีความ แต่ก็น่าสนใจว่า ในกรณีอื่นที่อาจเกิดขึ้นต่อ ๆ ไปในอนาคต ศาลจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป เพราะหากบรรทัดฐานเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ถูกลดระดับลงมาอย่างน่าเป็นห่วง การจะสร้างความโปร่งใสแท้จริงในกระบวนการยุติธรรมของไทยคงไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อศาลเลือกที่จะโอนอ่อนต่ออำนาจครอบงำจากฝ่ายรัฐและปฏิเสธที่จะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง