นิตยสาร Foreign Policy วิเคราะห์เรื่องหน่วยปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ สังหารผู้นำกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอซิส) อาบู บักร์ อัลบักห์ดาดี จะสร้างความเสียหายให้กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้อย่างมาก แต่ไอซิสก็ยังคงเป็นภัยในซีเรีย ส่วนหนึ่งมาจากปฏิบัติการของตุรกีต่อชาวเคิร์ดส่งผลให้กลุ่มกองกำลังไอซิสหลบหนีและรวมกลุ่มกันใหม่ได้
อาบู บักร์ อัลบักห์ดาดี (ที่มา: Youtube/CBS Evening News)
31 ต.ค. 2562 ในเช้าวันที่ 27 ต.ค. 2562 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ สามารถกำจัด อาบู บักร์ อัลบักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามหรือไอซิสแล้ว โดยจากข้อมูลของทางการสหรัฐฯ ระบุว่าบักห์ดาดีทำการระเบิดตัวตายพร้อมกับลูกที่เป็นเด็กของตัวเอง 3 คน (ต่อมาเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมระบุว่ามีเด็ก 2 คน) ในอุโมงค์หลังจากที่ถูกปิดล้อมและไล่ตามไปจนถึงทางตัน
แม้สิ้นอัลบักห์ดาดีแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มไอซิสจะยังคงอยู่ กลับมารวมตัวอีกครั้งและอาจจะยังคงเป็นภัยต่อซีเรีย เนื่องจากในช่วงต้นเดือน ต.ค. นี้ ตุรกีก่อเหตุโจมตีนักรบและพลเรือนชาวเคิร์ดจำนวนหลายร้อยคนในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักรบชาวเคิร์ดคุมขังนักรบและครอบครัวกลุ่มไอซิสเอาไว้หลายหมื่นคน แม้ในเวลาต่อมาจะมีการลงนามในสัญญาหยุดยิง แต่ก็มีผู้ต้องขังหลายคนได้ใช้โอกาสหลบหนีไปได้หรือได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มติดอาวุธเอง
เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ SDF แถลงการณ์เตือนในเรื่องที่กลุ่มไอซิสและกองกำลังที่ได้รับการหนุนหลังจากตุรกียังคงเป็นภัยในซีเรีย โดยที่กลุ่มก่อการร้ายนี้อาจจะกลับมารวมตัวกันอีก SDF เตือนว่ามีผู้นำระดับสูงของไอซิสบางส่วนได้ย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังติดอาวุธที่ตุรกีหนุนหลังแล้ว
ในวันที่ 30 ต.ค. 62 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้เผยแพร่วิดีโอการสัมภาษณ์ผู้ต้องขังกลุ่มไอซิส โดยมีทั้งนักรบและครอบครัวที่ยังคงจงรักภักดีกับรัฐอิสลาม บางคนไม่เชื่อว่าอัลบักห์ดาดีได้เสียชีวิตลงแล้ว นอกจากนั้นยังมีเด็กที่แสดงออกซึ่งความเชื่อมั่นในรัฐอิสลามอีกด้วย
อดีตเจ้าหน้าที่ของเพนทากอน ดานา สเตรา ที่ตอนนี้ทำงานเป็นนักวิจัยอาวุโสที่สถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าเหลื่อเชื่ออยู่เหมือนกันที่ปฏิบัติการประสบความสำเร็จในขณะที่รัฐบาลทรัมป์ทำให้ปฏิบัติการมีความยากลำบากขึ้น การสังหารบักห์ดาดีไม่ได้ส่งผลทำให้ไอซิสสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับที่การสังหารโอซามา บิน ลาเดน ไม่ได้ส่งผลให้อัลกออิดะฮ์สูญสิ้นไปได้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าปฏิบัติการของหน่วยที่เรียกว่า "เดลตาฟอร์ซ" มีขึ้นหลังจากที่หน่วยงานข่าวกรองซีไอเอทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังชาวเคิร์ดแห่งซีเรียและพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคดังกล่าวรวมถึงชาวเคิร์ดแห่งอิรัก
ถึงแม้ว่าทรัมป์จะประกาศว่าปฏิบัติการในครั้งนี้ "ทำให้โลกปลอดภัยมากขึ้นแล้ว" แต่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ ก็บอกว่าที่ผ่านมาทรัมป์ทำการตัดสินใจผิดพลาดในด้านความมั่นคงหลายเรื่อง เช่นการถอนกำลังจากพรมแดนตุรกีซีเรียในเดือน ต.ค. ส่งผลให้กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการหนุนหลังจากตุรกีก่อเหตุรุนแรงได้ ความรุนแรงจากกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ส่งผลให้ปฏิบัติการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากกองกำลังของชาวเคิร์ดที่เรียกว่าซีเรียนเดโมเครติดฟอร์ซ (SDF) ล่าช้าลงกว่าเดิมหนึ่งเดือนเต็มๆ
สเตรากล่าวว่าทรัมป์พลาดที่เผยแพร่ข่าวสารลับเฉพาะของรัฐบาล ตัดกำลังปฏิบัติการทหารของตัวเองในการตัดสินใจที่ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนในซีเรีย ไม่แยแสอิรัก และทิ้งขว้างความสัมพันธ์กับกองกำลัง SDF ทั้งๆ ที่ปฏิบัติการสังหารบักห์ดาดีนี้ต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารที่ได้มาจากทั้งรัฐบาลอิรักและเครือข่ายกองกำลัง SDF โดยฝ่ายหลังนี้ได้ร่วมงานกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสืบสาวหาที่อยู่ของอัลบักห์ดาดีเป็นเวลาถึง 5 เดือน
Foreign Policy ยังระบุว่ามีรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่มือขวาของบักห์ดาดี ชื่อ อาบู อัลอัสซัน อัลมูฮาเจียร์ โฆษกของไอซิสก็เป็นอีกเป้าหมายในปฏิบัติอีกปฏิบัติการหนึ่งเช่นกัน โดยเป็นปฏิบัติการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยข่าวกรอง SDF แต่เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ก็ยังไม่ยืนยันในเรื่องปฏิบัติการนี้
อดัม สมิทธ์ ผู้แทนพรรคเดโมแครตที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านการทหารของสภาผู้แทนฯ กล่าวว่าพวกเขาจะยังนิ่งนอนใจไปไม่ได้ว่าการกำจัดผู้นำไอซิสจะถือเป็นชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ
มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับท่าทีของทรัมป์ที่พูดถึงความเป็นไปได้ในการถอนทัพจากซีเรียหลังบักห์ดาดีเสียชีวิต โดยทรัมป์ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่เปลี่ยนใจเรื่องการถอนทัพส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ออกจากพื้นที่ แต่จะคงทหารไว้เพียงบางส่วนเพื่ออยู่คุ้มกันดูแลเรื่องน้ำมัน ทางตะวันออกของซีเรียนั้นมีบ่อน้ำมันอยู่จำนวนมากและเป็นพื้นที่ยึดครองของกลุ่ม SDF กลุ่มกองกำลังชาวเคิร์ดที่สู้รบกับไอซิสและเป็นมิตรกับสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2558
Foreign Policy เปิดเผยว่ากองกำลังหน่วยคุ้มครองประชาชนหรือ YPG ซึ่งเป็นกองกำลังหลักสำคัญของ SDF เคยพูดถึงกรณีการให้ความร่วมมือด้านข่าวกรองกับสหรัฐฯ ในพื้นที่เมืองอิดลิบ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มกบฏอัลนุสราซึ่งเป็นกองกำลังสายอัลกออิดะฮ์ในพื้นที่ซีเรีย แต่อิดลิบก็มีผู้คนที่คอยเป็นสายข่าวและเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจกับ SDF จำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่าพวกเขาได้เตือนตุรกีล่วงหน้าก่อนปฏิบัติการมุ่งสังหารบักห์ดาดี แต่ไม่ได้พูดถึงเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และบอกว่าตุรกีไม่ได้มีบทบาทใดๆ เลยในปฏิบัติการครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นที่หมู่บ้านบาริชาในเมืองอิดลิบ ขณะที่ทวิตเตอร์ของกระทรวงกลาโหมตุรกีเคยระบุถึงเรื่องนี้ว่าก่อนหน้าคืนที่จะมีปฏิบัติการสหรัฐฯ กับตุรกีได้มีการ "แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานกองทัพของทั้งสองประเทศ"
เรียบเรียงจาก
Baghdadi Is Dead, but ISIS Remains Emboldened Since Trump’s Drawdown, Foreign Policy, Oct 27, 2019
Defiant prisoners remain loyal to ISIS in Syria, CNN, Oct. 30, 2019