ใบตองแห้ง: ปฏิรูป ศธ.วิบัติ

ครูแต่งดำทำท่าโอละพ่อ เมื่อคณะกรรมาธิการทั้ง ส.ส. ส.ว. เห็นว่า “ปฏิรูปการศึกษา” ไม่ต้องยุบใคร ให้คงไว้ทั้ง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ศธจ. ศธภ. ที่ตั้งขึ้นใหม่ แค่คืนอำนาจบริหารงานบุคคลให้เขตพื้นที่ไป โครงสร้างการศึกษาไทยก็จะสงบสุข ภายใต้ ผอ.เขต 225 คน ศธจ. 77 คน แถม ศธภ.ระดับ 10 อีก 18 คน

มันใช่หรือ กับการปฏิรูปแล้วยิ่งเพิ่มตำแหน่งระดับบน เพิ่มนายให้ครู

การปฏิรูปการศึกษาเมื่อปี 2542 ยึดหลักกระจายอำนาจจึงปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาฯ จากเดิมที่มี 14 กรม ก็เปลี่ยนเป็น 5 แท่ง (ซี 11 ทั้ง 5 คน) โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม ก็แบ่งเป็นเขตพื้นที่ ประถม 183 เขต มัธยม 42 เขต ขึ้นต่อ สพฐ.

ซึ่งแน่ละ ก็มีปัญหา โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคล ซึ่งกลายเป็นอำนาจของอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา

นี่เป็นปัญหาคลาสสิคของระบบราชการไทย คือแทนที่กระจายแล้วอำนาจจะลงสู่ข้างล่าง กลับเกิด “ท่าน” นับร้อย ต่างคนต่างใหญ่

หลัง คสช.ยึดอำนาจ รัฐราชการเป็นใหญ่ คงมีคนฟ้องว่า อ.ก.ค.ศ.มีปัญหาธรรมาภิบาล เลยทุบโต๊ะด้วยภูมิปัญญาบ้านๆ ออกคำสั่ง คสช.ที่ 19/2560 รื้อโครงสร้างโบราณ ตั้งศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด ขึ้นต่อปลัดกระทรวง อ้างว่าจะเข้ามา ดูงานยุทธศาสตร์ พร้อมกับยึดอำนาจบริหารงานบุคคล ไปให้ กศจ.ซึ่งผู้ว่าฯ เป็นประธาน เอามหาดไทยกลับมาบัญชาการ ตามโครงสร้างการปกครองส่วนภูมิภาค

ซึ่งได้ผล ครูโวยว่า บางจังหวัด ผู้ว่าฯ จัดงาน ขอครูสาวๆ ไปช่วยเสิร์ฟน้ำ ย้อนยุค 30-40 ปีก่อน

อ้อ แต่มีสิ่งใหม่ในยุคประชารัฐ คือตั้งผู้แทนหอการค้าด้วย ตามปรัชญายุคสมคิด การศึกษาต้องรับใช้ตลาดทุน คณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคตามคำสั่ง คสช. ก็มีประธานหอการค้า สภาอุตสาหกรรม อยู่เช่นกัน

รัฐบาลเผด็จการทหารฟื้นโครงสร้างอดีตมาใช้ ก็เพราะชอบระบบ Single Command อย่างที่นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาระบุ คือสามารถสั่งการสายตรง รัฐมนตรีสั่งปลัด ปลัดสั่ง ศธจ. ศธจ.สั่งเขตพื้นที่ กศจ.ก็ตั้งจากส่วนกลาง มหาดไทยช่วยกำกับ สั่งง่ายกว่าระบบกระจายอำนาจ

ว่าที่จริง ถ้า คสช.จะย้อนยุคไปเสียเลยก็คงไม่มีใครต้านได้ ยุบเขตพื้นที่การศึกษา ใช้ Single Command สายเดียว แต่ปัญหาคือพอฟื้นโครงสร้างโบราณแล้วไม่ยุบโครงสร้างใหม่ ครูก็กลายเป็นบ่าว 2 นาย คือโรงเรียนยังขึ้นกับ สพท. แต่อำนาจบริหารงานบุคคล แต่งตั้งโยกย้าย ศึกษานิเทศก์ โอนไปอยู่กับ ศธจ.

อำนาจบริหารก็สับสน คนเป็นหัวหน้าไม่มีอำนาจให้ความดีความชอบ คนบรรจุตั้งย้ายกลับเป็นอีกหน่วยหนึ่ง จึงเกิดกรณี ผอ.สพท.งัดข้อ ศธจ. ได้รับหนังสือเชิญไปร่วมงานบรรจุครูใหม่ “ทราบ” แต่ไม่ไป

ส่วนที่ว่าจะทำให้การบริหารงานบุคคลมีธรรมาภิบาล อธิการฯ ราชภัฏโคราชก็บอกว่า โปร่งใสปีแรกเท่านั้น จากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม

ความขัดแย้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของครู ของ ผอ. แต่กระทบเด็กทั้งประเทศ กระทบประชาชนผู้เสียภาษี เอาแค่เรื่องงบประมาณ รู้ไหม งบ ศธ.ปีละ 3 แสนกว่าล้าน ส่วนใหญ่เป็นงบประจำ เงินเดือนครู ผู้บริหาร นี่ยังมาเพิ่มตำแหน่งเพิ่มสำนักงาน ยิ่งไปไม่ถึงเด็กซึ่งได้ค่าอาหารกลางวันหัวละ 20 บาท

เพิ่มศึกษาธิการจังหวัด (ซี 9) 77 คน ศึกษาธิการภาค (ซี 10) 18 คน ยังต้องมีลูกน้องต้องมีสำนักงาน เอาอัตรามาจากไหน ก็จากครูเกษียณ แทนที่จะเกลี่ยลงโรงเรียน อาคารสำนักงานก็มีข่าวตั้งงบ 20 ล้าน เดี๋ยวยังมีค่าใช้จ่ายสำนักงาน รถประจำสำนักงาน งบฯ ดูงาน

ครั้นมาถึงยุครัฐมนตรี กปปส. ก็ตั้งกรรมการปฏิรูปอีก บอกว่าต้องยุบสักอย่าง ครูฟังแล้วเห็นลิ้นไก่ จะยุบ ศธจ.ศธภ.ได้ไง ในเมื่อลุงใช้ ม.44 ตั้ง แถมเพิ่มอำนาจรัฐมนตรี สั่งการผ่านปลัด

ครูก็เลยแต่งดำฮือค้าน นักการเมืองหาทางประนีประนอม ให้คงไว้ทั้งสองโครงสร้าง แค่คืนอำนาจบริหารงานบุคคลให้ สพท. อ้าว งั้นจะมี ศธจ. ศธภ.ไว้ทำไมให้เปลืองตำแหน่งเปลืองงบประมาณ

ปฏิรูปการศึกษาต้องยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง กระจายอำนาจให้โรงเรียน บริหารจัดการศึกษาเอง กระทรวงเป็นพี่เลี้ยง เรื่องความก้าวหน้าของครู ที่ผ่านมาก็มีความพยายามให้ เลื่อนวิทยฐานะโดยไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่แทนที่จะวัดผลจากการเรียนการสอน กลับทำให้ครูต้องไปจ้างทำผลงาน

ส่วนการมีตำแหน่งบริหารเยอะๆ ในวงการครูมีคำเปรียบเปรยขำๆ ว่าเมื่อไหร่ตั้งครูเป็นผู้บริหาร ก็จะเสียครูดีๆ ไป 1 คน ได้ผู้บริหารแย่ๆ มา 1 คน

ปฏิรูปการศึกษา 20 ปีมีปัญหา แต่ คสช.ยิ่งทำให้ถอยหลัง แม้พูดพร่ำจะทำให้เด็กคิดเป็น ให้เรียนรู้เทคโนโลยี แต่ เป้าหมายของเครือข่ายอนุรักษนิยม คือต้องการครอบงำ ให้เด็กยุคต่อไปเป็นซอมบี้ทางความคิด เก่งวิทยาศาสตร์ วิชาชีพ แต่อยู่ในโอวาท เชื่อฟัง

ปฏิรูปการศึกษาให้คิดแบบทหาร ให้โตมาเชื่อว่าประเทศเสียดินแดน 14 ครั้ง นั่นแหละคือเป้าหมายของอำนาจอนุรักษนิยม

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3023308

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท