ศาลสั่งจำคุกผู้โพสต์เฟสบุ๊ค 'บักหำน้อย' หมิ่นประมาทผู้ว่านครศรีธรรมราช กรณีโครงการบรรเทาอุทกภัยตามแนวพระราชดำริ ร.9

สื่อ 'คมชัดลึก' รายงาน ศาลสั่งจำคุกผู้โพสต์เฟสบุ๊ค 'บักหำน้อย' 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับอีก 3 แสนบาท ฐานหมิ่นประมาทผู้ว่า จ.นครศรีธรรมราช จากกรณีโครงการบรรเทาอุทกภัยตามแนวพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 


ที่มาภาพประกอบ: Stock Catalog (CC BY 2.0)

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2561 นายษฐา ขาวขำ จ่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับมอบอำนาจจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุริยน แกมทอง สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวรา จันทร์มณี อายุ 47 ปีอยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 8 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และนายวรา เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทางตำรวจได้สรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2562 ตามคดีหมายเลขดำที่ 150/2562 และหลังจากศาลพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องพร้อมสืบพยานโจทก์และจำเลยครบถ้วนแล้วศาลได้นัดฟังคำพากษาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมานายษฐา ขาวขำ จ่าจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า คดีศาลได้พิพากษาจำคุกนายวรา จันทร์มณี จำเลย 1 ปีโดยไม่รอลงอาญาและปรับเป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งนายวรา จำเลย ได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป โดยตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายให้ดำเนินคดีกับ  นายวรา จันทร์มณี อยู่ระหว่างยื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาในคดีนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน สำหรับนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ได้รับคำสั่งโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เนื่องจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำการประชาสัมพันธ์ชี้แจงรายละเอียดและข้อมูลโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช (คลองผันน้ำเมืองนครฯ) ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในหลวงรัชกาลที่ 9  ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการจำนวน 9,850 ล้านบาท ในขณะเดียวกันได้มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่ง โดยมีนายวรา จันทร์มณี จำเลย เป็น 1 ในแกนนำประท้วงได้นำชาวบ้านออกมาประท้วงคัดค้านโครงการดังกล่าวหลายครั้ง และได้นำภาพพร้อมข้อความโพสต์โจมตีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ในเฟซบุ๊คอย่างต่อเนื่อง และต่อมานายวรา จำเลย ได้เดินทางมายื่นหนังสือแถลงการณ์ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ผ่าน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ตรวจสอบนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช อ้างว่าได้บิดเบือนพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในหลวงรัชกาลที่ 9 และได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะนำแถลงการณ์ดังกล่าวไปโพสต์ในเฟสบุ๊ค 'บักหำน้อย' ทำให้มีชาวโลกโซเชี่ยลให้ความสนใจเข้ามาติดตามและวิพากวิจารณ์แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง สร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา เป็นอย่างมาก จึงมอบอำนาจให้นายษฐา ขาวขำ จ่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งในขณะนั้นทำหน้าที่นิติกรผู้รับมอบอำนาจ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายวรา จันทร์มณี  ซึ่งหลังจากเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนนายวรา จันทร์มณี ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คว่า "นายจำเริญ ทิพญ์พงธาดา มอบอำนาจให้นายษฐา ขาวขำ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนเองเป็นการแก้เกี้ยว"

ในขณะที่อัยการได้บรรยายคำฟ้องต่อศาลความว่านายวรา จันทร์มณีอายุ 47 ปีอาชีพรับจ้าง เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2561 เวลากลางวันจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกบัญชีเฟสบุ๊คใช้ชื่อว่า 'บักหำน้อย' ได้บังอาจใส่ความนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้เสียหายซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชตัวข้อความเป็นเท็จโดยการโฆษณาด้วยข้อความตัวอักษรอันเป็นเท็จด้วยการทำให้ปรากฏ สมาชิกเฟสบุ๊คคนอื่นและบุคคลทั่วไปที่สามารถเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่สามโดยจำเลยได้นำข้อความตัวอักษรจากจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนโครงการคลองผันน้ำทำลายคนนครของเครือข่ายประชาชนเรียกร้องให้ทบทวนโครงการคลองผันน้ำทำลายคนนคร ซึ่งมีข้อความส่วนหนึ่งว่า ขอถือโอกาสเรียนท่านถึงระบบการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสของจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพยายามที่จะเร่งรัดโครงการไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงทำก็แต่เพียงจัดฉากประชุมหลอกหลอกอย่างที่รู้กัน นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่ชาวบ้านโดยบิดเบือนพระราชดำริมาแอบอ้างสร้างความชอบธรรมให้ตนเองในการประชุมจังหวัดทุกวันอังคาร มิได้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนร่วมสังเกตุการณ์มีแต่เพียงพวกข้าราชการที่เข้าไปรับสนองคำสั่งแถมยังปิดปากสั่งห้ามไม่ให้ใครจัดรายการวิทยุหรือให้จับตาการกระทำใด ๆก็ตามที่จะออกมาในลักษณะคล้ายๆ หรือเห็นต่างจากโครงการ  ขอให้ตรวจสอบกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชแอบอ้างเบื้องสูงในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาบิดเบือนข่มขู่รังแกประชาชนทำให้ชาวบ้านกลัว  เพียงแค่เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์แห่งตนโดยปราศจากธรรมาภิบาลและขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว อันที่จริงแล้วท่านซึ่งเป็นข้าราชการต้องทำหน้าที่โดยสุจริตคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นหลักมิใช่ประโยชน์สุขของตัวท่านเองมาโพสต์เผยแพร่ลงในเฟสบุ๊ค ของจำเลยรายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งข้อความตัวอักษรจำเลยได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊ค ดังกล่าวมีความหมายว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นคนไม่ดี ทำหน้าที่โดยไม่สุจริตปราศจากหลักธรรมาภิบาลไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลักได้แอบอ้างนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาบิดเบือนข่มขู่รังแกประชาชนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวเพื่อประโยชน์ของตัวผู้เสียหายเอง ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงแล้วผู้เสียหายมิได้มีพฤติกรรมและการกระทำตามที่จำเลยใส่ความดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้โดยประการที่จะทำให้ผู้เสียหายขาดความน่าเชื่อถือเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง

เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช  ต่อมาในวันที่ 2 ต.ค. 2561 จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยและทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธระหว่างสอบสวนจำเลยได้ถูกควบคุมตัวได้ส่งตัวจำเลยมาสารพร้อมฟ้องนี้แล้วขอศาลได้รับตัวจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วยหากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพิจารณาโจทก์ไม่คัดค้านคดีนี้ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายแล้วนายษฐา ขาวขำ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายอยู่บ้านเลขที่ 24/11 หมู่ที่ 5 ตำบลปากนครอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราชคำขอท้าย คำฟ้องสัญญาการที่จำเลยได้กระทำข้อความที่กล่าวในคำฟ้องนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328  พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2535 มาตรา 3,4

คมชัดลึกรายงานว่าคดีนี้มีประเด็นการต่อสู้ที่ศาลพิจารณาพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากมีข้อพิจารณาที่จำเลยจงใจที่จะกระทำการหมิ่นประมาทและไม่สำนึกโดยยืนกรานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจากการนำสืบพยานไม่น่าเชื่อถือและไม่สามารถหักล้างข้อมูลของผู้เสียหายได้เลย เป็นเพียงการใช้ความรู้สึกตัวมาต่อสู้ในชั้นศาล ในขณะที่ผู้เสียหายมีพยานทั้งบุคคลและเอกสารผลการศึกษาวิจัยกรมชลประทานอย่างละเอียดอย่างละเอียดครบถ้วนไม่ใช่เป็นการแอบอ้างเบื้องสูงและเป็นข้อมูลเท็จตามที่จำเลยระบุแม้แต่น้อย ทั้งนี้โดยประการที่จำเลยตั้งใจที่จะทำให้ผู้เสียหายขาดความน่าเชื่อถือ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท