กอ.รมน.แจงยังไม่ 'เคอร์ฟิว' ชายแดนใต้ - 'ประยุทธ์' ย้ำ ไม่ใช่ก่อการร้าย

กอ.รมน.แจงยังไม่ 'เคอร์ฟิว' 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอสงขลา หลังมีประกาศให้อำนาจคงมาตรการเพื่อรักษาความสงบในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 'ประยุทธ์' ถก กอ.รมน. ปรับแผนแก้  ย้ำ เหตุยิงถล่มชรบ.15 ศพยะลา ไม่ใช่ก่อการร้าย 

ภาพจากเว็บไซต์ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า

8 พ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อรักษาความสงบในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 9 อำเภอ ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2562-วันที่ 30 พ.ย. 2563

ซึ่ง พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(โฆษก กอ.รมน.) ชี้แจงกรณีประกาศนี้ว่า เป็นการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ตามมติ ครม. ที่เห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา หรือพูดง่ายๆ คือการต่ออายุการใช้กฎหมายนี้ตามวงรอบออกไปอีก 1 ปี

โฆษก กอ.รมน. ยืนยันว่า ไม่ใช่การประกาศเคอร์ฟิวแต่อย่างใด

 

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวย้ำว่า ไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของสงขลา ตามที่มีการนำเสนอผ่านสื่อขณะนี้ ส่วนข้อกำหนดตามมาตรา 18 (2) เป็นเพียงการให้อำนาจตามความในมาตรา18 (2) ให้สามารถประกาศเคอร์ฟิวได้ แต่ยังไม่เคยมีการใช้อำนาจนั้น เพราะยังไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เคอร์ฟิว จึงขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

(ที่มา :  เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา และโพสต์ทูเดย์)

ประยุทธ์ ถก กอ.รมน. ปรับแผนแก้

ขณะที่ ข่าวสดออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ (8 พ.ย.62)ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 2/2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้นำเหล่าทัพ เข้าร่วมการประชุม โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมแต่อย่างใด

ขณะที่การประชุมครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง ได้รับทราบผลการปฎิบัติการงานของกอ.รมน. ประจำปี 2562 และแผนการดำเนินงานของกอ.รมน. ประจำปี 2563 โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน.ได้มอบนโยบายและสั่งการเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงาน 2 เรื่องสำคัญ คือ

1.การเสนอแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (กอ.รมน.) ที่มุ่งเน้นให้การปฏิบัติแก้ไขปัญหาบรรเทาสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่ซ้ำซ้อนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น โดยสาระสำคัญ

คือ จะมีกอ.รมน.ภาคและกอ.รมน.จังหวัด ทำหน้าที่ ในการปฎิบัติบูรณาการ ประสานงาน และเสริมสร้างการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หน่วยงานทหารในพื้นที่และกลุ่มมวลชนในเครือข่ายกอ.รมน. เพื่อเข้าไปเสริมช่องว่างในการจัดการด้านสาธารณภัย ของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.จังหวัด) กับส่วนกลางให้แน่นแฟ้น รวมถึงกรณีจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดสาธารณภัย

2.แผนปฏิบัติการเพื่อรองรับการประกาศพื้นที่ ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ปัจจุบันสถานการณ์การก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลามีแนวโน้มดีขึ้น ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมสร้างความเข้มแข็งในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

ขณะที่กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อรองรับการประกาศพื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไว้ 3 แนวทางปฏิบัติ คือ ด้านยุทธการ เน้นการมีส่วนร่วมประชาชน ใช้กำลังประชาชนดูแลพื้นที่ ทดแทนกำลังทหารรัฐ และการบังคับใช้กฎหมาย

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ด้านการเมือง มุ่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ รณรงค์ให้ผู้เห็นต่างจากรัฐ หันกลับมาต่อสู้ตามแนวทางสันติ ออกมารายงานตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ด้านการพัฒนา มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และตรงตามความต้องการ

ย้ำ เหตุยิงถล่มชรบ.15 ศพยะลา ไม่ใช่ก่อการร้าย 

จากนั้นเวลา 11.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีการประกาศเคอร์ฟิว การห้ามออกจากเคหสถานในเวลาค่ำคืน ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงถล่มชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะกำหนดเวลาให้สั้นที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน สอบสวนทางคดี และเพื่อเป็นการจำกัดพื้นที่ของคนร้ายในช่วงที่มีการไล่ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่ออย่างอื่น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งหากเราปิดพื้นที่ไม่ได้ ก็จะมีปัญหา ส่วนนี้ขอให้เข้าใจกันด้วย

เมื่อถามว่ามีรายงานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนหน้าขาว ภายหลังก่อเหตุเสร็จสิ้น จะกลับไปนอนอยู่บ้าน ส่วนนี้จะมีการติดตามจับกุมอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสืบสวน สอบสวนวันนี้มีความคืบหน้า แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่จะไปจับใครก็ได้ ต้องเอาหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุมาติดตาม ซึ่งเราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งอาวุธ​ปืน กระสุนและปอกกระสุน พร้อมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใด และมีกลุ่มใดเกี่ยวข้องบ้างก็จะต้องมาพิจารณาร่วมกัน คงจะได้รับทราบความคืบหน้าภายในเร็ววันนี้ ขอเวลาอีกหน่อย

เมื่อถามต่อว่า ผู้ก่อเหตุมีการใช้วัตถุระเบิด จะถือเป็นการก่อการร้าย มากกว่า การก่อความไม่สงบ ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเขาใช้กลยุทธ์เช่นนี้ เป็นกลยุทธ์การก่อการร้าย คือการสร้างเหตุความรุนแรงเพื่อกดดันต่อรัฐ และการทำงาน แล้วเราจะไปกดดันกันเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา และสร้างการมีส่วนร่วม เราแก้ปัญหากันอย่างนี้ ไม่ดีกว่าหรือ

พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายต่อว่า ส่วนการก่อการร้ายนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การยึดพื้นที่ การใช้ความรุนแรง แต่เหตุการณ์นี้เข้าข่ายแค่ใช้อาวุธสงคราม เพื่อกดดันรัฐ แต่หากเราตีความผิด การแก้ปัญหาก็จะผิด และเหตุการณ์ จะรุนแรงขึ้น ท้ายสุดผลกระทบก็จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ เราลดระดับผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ได้มากพอสมควร ประชาชนก็กลับมาให้ความร่วมมือ แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายบางตัว ประชาชนก็เห็นด้วย เพราะเขาดูแล้วว่าเกิดประโยชน์กับเขา ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่คนที่มักจะมีปัญหาในเรื่องนี้ คือคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะมองในเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท