Skip to main content
sharethis

ดีเอสไอขอหมายจับ ‘ชัยวัฒน์’ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งกระจานและพวกรวม 4 ราย ซึ่งเคยควบคุมตัวบิลลี่ไว้ก่อนที่เขาจะหายตัวไป ด้านชัยวัฒน์เผยไม่ได้กังวล ชี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม


ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่มา: เพจ Banrasdr

11 พ.ย. 62 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ เมื่อช่วงเช้า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เรียกประชุมหารือ ชุดพนักงานสอบสวน คดีฆาตกรรม พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทั้งนี้ได้พิจารณาพยานหลักฐาน ที่รวบรวมได้ และมอบได้มอบหมายพนักงานสอบสวน เดินทางไปยังศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับกุม ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 ราย

ทั้งนี้ บีบีซีไทย ได้สัมภาษณ์ชัยวัฒน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ไม่กังวลเพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

“ผมยังไม่ได้ข่าวว่าเขา (ดีเอสไอ) ทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร” ชัยวัฒน์กล่าว เมื่อถามว่าเตรียมดำเนินการอย่างไรบ้างหากศาลอนุมัติหมายจับ เขาตอบสั้น ๆ ว่า “ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม”

อนึ่ง ชัยวัฒน์ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กล่าวว่าวันนี้ (11 พ.ย.) เขาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี เพื่อรับมอบนโยบายเรื่องการรับสถานการณ์หมอกควันและการจัดการอุทยานแห่งชาติจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

บิลลี่ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายตัวไปที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2557 โดยชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานฯ ยอมรับว่าเขาได้ควบคุมตัวบิลลี่ไว้ด้วยข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าอย่างผิดกฎหมาย แต่ได้ปล่อยตัวไปแล้วในวันเดียวกัน

ต่อมาวันที่ 3 ก.ย. 2562 ดีเอสไอเปิดเผยหลักฐานสำคัญเชื่อมโยงการหายตัวไปของบิลลี่ คือ กระดูกกะโหลกมนุษย์ในถังขนาด 200 ลิตรที่จมอยู่ใต้น้ำ บริเวณสะพานแขวนเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน การตรวจสอบพบว่ากระดูกที่พบมีสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอตรงกับโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของบิลลี่ เจ้าหน้าที่จึงสรุปว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว และได้เดินหน้าสอบสวนหาผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเขา

กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า สำหรับข้อหาที่ดีเอสไอตั้งแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้แก่ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เช็ญว่จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น,

ร่วมกันปลันทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบหพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การขันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4)(7), 309, 310, 33, 340, 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น,

ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โตยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 172

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net