อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์: ต่อสู้อย่างไรไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นสมบัติทุนใหญ่

มหกรรม "ที่ดินคือชีวิต" ครั้งที่ 2 และรำลึก 45 ปีการก่อตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย "อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์" ปาฐกถาเปิดโดยชี้ให้เห็นภาพใหญ่ของทุนบรรษัทร่วมมือกับรัฐ "เปลี่ยนรูปประเทศไทย" ในนามของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซ้ำร้ายที่ดินซึ่งกระจุกตัวกับคนไม่กี่ตระกูลจะยิ่งกระจุกตัวมากขึ้น โดยเขาเสนอให้ภาคประชาสังคมสรุปบทเรียนและใช้มรดกจากรากฐานของสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ฯ ได้แก่ ความเป็นธรรม สิทธิพลเมือง และเครือข่าย นำไปสู่การต่อสู้เพื่อให้ประชาชนยืนหยัดบนแผ่นดินอย่างมีศักดิ์ศรี ขยายผลเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจเพื่อลดการเก็งกำไรที่ดิน ทำให้ชาวนาได้เป็นเสรีชนบนที่ดินของตัวเอง และทำให้ขาอีกข้างของประชาชนสามารถอยู่บนกิจกรรมสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย โดยทิ้งท้ายว่าถ้ายุคนี้ไม่เริ่มต่อสู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ ลูกหลานในวันข้างหน้าจะลำบากหนักกว่าเดิม

ปาฐกถา "ทศวรรษที่ห้า: ชุมชนชาวนาในยุคเสรีนิยมใหม่" โดยอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์

16 พ.ย. 2562 ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในมหกรรม "ที่ดินคือชีวิต" ครั้งที่ 2 "หยุดวิกฤตความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมที่ดินไทย" และการรำลึก 45 ปีการก่อตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย  อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวปาฐกถาเปิดในหัวข้อ "ทศวรรษที่ห้า: ชุมชนชาวนาในยุคเสรีนิยมใหม่" โดยชี้ให้เห็นภาพใหญ่ของทุนบรรษัทร่วมมือกับรัฐ "เปลี่ยนรูปประเทศไทย" ในนามของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซ้ำร้ายที่ดินซึ่งกระจุกตัวกับคนไม่กี่ตระกูลจะยิ่งกระจุกตัวมากขึ้น

โดยกระบวนการเบียดขับประชาชนออกจากที่ทำกิน เกิดจากนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งไม่ได้สนใจคุณค่าของภาคเกษตร การสร้างโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคในนามเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการของรัฐ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนที่ดินเป็นสินค้าอย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดเบียดขับชาวนาประเภทเช่าที่ดิน รวมทั้งเกิดการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินมากขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้ไม่มีทางที่คนตัวเล็กตัวน้อยจะครอบครองที่ดินได้ คนที่มีเงิน หรือกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถลงมาเล่นเกมการทำให้ที่ดินเป็นสินค้าได้มากขึ้น อย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวนาเช่าที่ดิน ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งที่ดินจะเปลี่ยนมือไปเป็นที่สำหรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC

อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์

ในการปาฐกถาซึ่งผู้เข้าร่วมมาจากเครือข่ายภาคประชาสังคมที่เคลื่อนไหวในประเด็นความเหลื่อมล้ำ ทรัพยากร และที่ดินทำกิน อาทิ พีมูฟ เครือข่ายสลัมสี่ภาค สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ฯลฯ อรรถจักร์เสนอให้ภาคประชาสังคมสรุปบทเรียนและใช้มรดกจากการต่อสู้ที่สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย วางรากฐานได้แก่ ความเป็นธรรม สิทธิพลเมือง และเครือข่าย นำไปสู่การต่อสู้เพื่อให้การยืนหยัดบนแผ่นดินของประชาชนมีศักดิ์ศรี ขยายผลเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจเพื่อลดการเก็งกำไรที่ดิน เพื่อให้ชาวนาได้เป็นเสรีชนบนที่ดินของตัวเอง หรือทำให้ขาอีกข้างของประชาชนสามารถอยู่บนกิจกรรมสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย โดยทิ้งท้ายว่าถ้ายุคนี้ไม่เริ่มต่อสู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ ลูกหลานในวันข้างหน้าจะลำบากหนักกว่าเดิม 

ในตอนท้ายอรรถจักร์กล่าวด้วยว่า "ท้ายที่สุดสิ่งสำคัญคือต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชาชน เราอาจต้องเคลื่อนไหวเป็นจุดๆ เพื่อบอกว่าการเปลี่ยนโครงสร้างของรัฐในนามโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ต่างๆ ไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด ต้องกลับมาคิดให้มากขึ้น การสร้างกรอบความคิดวันนี้ เราประชาชนยืนยันอยู่จุดเดิม แต่ต้องพัฒนากรอบคิดให้มากขึ้น หนึ่ง ทำให้ทั้งสังคมเห็นว่าความเป็นธรรมทางสังคมเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหา"

"สอง สิทธิพลเมืองที่เท่าเทียมกัน การต่อสู้ของสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย อยู่บนฐานของสิทธิพลเมือง สิทธิพลเมืองของเรา กับเจ้าสัวต้องเท่ากัน"

"และที่สำคัญ ข้อสาม เราต้องสร้างเครือข่ายกันให้กว้างขวางมากขึ้น ถ้าเราทำ 3 อย่างนี้ได้ เราพอจะมีทางทำให้ โครงการเปลี่ยนประเทศไทยที่กำลังเกิดขึ้นนี้ลดทอนความแหลมคมที่จะทำลายสังคม"

"พี่น้องทุกคน วันนี้ในช่วงเวลานี้เป็นวิกฤตของสังคมชาวไร่ชาวนาอย่างแท้จริง ที่เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน หนทางชีวิตที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และฐานชีวิตที่บรรพบุรุษได้มอบให้เราและตกทอดมาถึงทุกวันนี้กำลังถูกทำลาย วันนี้หนักหนา หนักหน่วงกว่าวันในอดีต แต่ไม่ว่าจะหนักหน่วงอย่างไร ผมเชื่อว่าจิตใจที่เราต่อสู้มา เราก็จะต่อสู้กันต่อไป"

"สิ่งที่ต้องย้ำบอกกับพวกเราว่า วันนี้ถ้าเราต่อสู้ เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อเรา เราต่อสู้เพื่อลูกหลานเรา อนุชนรุ่นหลังของชาติไทย ของสังคมไทย เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นขี้ข้าบรรษัทขนาดใหญ่ที่กำลังครอบคลุมประเทศไทยอยู่" อรรถจักร์กล่าวในที่สุด

นิทรรศการรำลึก 45 ปีสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย และการต่อสู้ของขบวนการภาคประชาสังคมยุคต่างๆ จัดขึ้นที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ระหว่าง 16 ถึง 17 พฤศจิกายน 2562

สำหรับมหกรรมที่ดินคือชีวิต ครั้งที่ 2 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “หยุดวิกฤตความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมที่ดินไทย” ระหว่างวันที่ 16 ถึง 17 พฤศจิกายน 2562 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดโดยคณะทำงาน "ที่ดินคือชีวิต" ประกอบด้วยเครือข่ายจากภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆ

โดยนอกจากการรำลึก 45 ปีของการก่อตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยซึ่งตรงกับวันที่ 19 พฤศจิกายน 2517 นั้น กิจกรรมในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะเวทีเสวนา “วิกฤติที่ดิน เมืองและที่อยู่อาศัย” โดยนักวิชาการและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเวทีเสวนา “ปัญหาที่ดินไทย จะเดินหน้าไปต่อได้อย่างไร” โดยเชิญผู้แทนพรรคการเมืองร่วมหารือด้วย และในช่วงท้ายจะมีเวทีนำเสนอปัญหาของชาวบ้านกับปัญหาที่ดินโดยเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด เครือข่ายชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เครือข่ายชาติพันธุ์ชาวเล เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน เครือข่ายสลัมและเครือข่ายหาบเร่แผงลอย และมีการประกาศเจตนารมณ์และข้อเสนอภาคประชาชนอีกด้วย (อ่านรายละเอียดกิจกรรม)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท