กนอ. ระบุยังไม่มีโรงงานในนิคมฯ ปิดกิจการ โพลชี้คนมองการว่างงาน-ตกงาน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี 31.76%

กนอ. ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมปิดกิจการ ส่วนที่ปิดกิจการเป็นโรงงานที่อยู่นอกนิคมฯ - ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่สาขาระนอง เตรียมหยุดผลิต 1 ธ.ค. 2562 นี้ พร้อมจ่ายชดเชยพนักงาน 20-22 ล้านบาท - 'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจคน 31.76% มองว่าเศรษฐกิจไม่ดีเห็นชัดจากการว่างงาน-ตกงาน มีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจไม่ดี สถานประกอบการขาดทุนต้องปิดตัวลง

17 พ.ย. 2562 จากสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยที่มีปัญหา ทำให้โรงงานหลายแห่งปิดกิจการ ล่าสุดนายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. ได้ระบุกับ TNN เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2562 ว่าในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีสถานประกอบการไหนที่ปิดกิจการ ส่วนที่ปิดกิจการตามที่เป็นข่าวเป็นโรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมที่มีการขายกิจการ หรือ หยุดชั่วคราว โดยคาดว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นและมียอดสั่งซื้อจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครทำนายได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ 

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักในขณะนี้ คืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งมียอดขายลดลง โดยสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นได้รับผลกระทบกันทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น และทางออกในระยะยาวสำหรับเรื่องนี้ คือการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สูงขึ้น เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่

นายอัครเรศร์ ชูช่วย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ยืนยันว่าโรงงานทั้ง 700 กว่าโรงงาน ในนิคมอมตะนคร ยังคงเปิดกิจการอยู่ทุกแห่งและไม่มีการหยุดงานชั่วคราว ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เปราะบางมากที่สุดในช่วงนี้ คืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่สาขาระนอง เตรียมหยุดผลิต 1 ธ.ค. 2562 นี้ พร้อมจ่ายชดเชยพนักงาน 20-22 ล้านบาท

บริษัท ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOTI รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562 ได้มีมติให้หยุดการผลิตสินค้าที่โรงงานสาขาระนอง ตั้งอยู่ใน จ.ระนอง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2562 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้จากการส่งออกของบริษัท

ทั้งนี้ การหยุดผลิตของโรงงานสาขาระนอง จะส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุนและสามารถบริหารต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างโอกาสการแข่งขันในด้านราคาขายกับคู่แข่งทางการตลาดได้ สำหรับในด้านแหล่งวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่โรงงานสาขาระนองนั้น จัดหาได้น้อยลงเป็นอย่างมาก

สำหรับการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องเลิกจ้างพนักงานที่สาขาระนอง โดยบริษัทจะจ่ายชดเชยค่าจ้างตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด และคาดว่าเงินชดเชยค่าจ้างที่ต้องจ่ายให้กับพนักงานรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 20-22 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบในด้านการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงงานที่ จ.สงขลา สามารถรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ

โพลชี้คนมองการว่างงาน-ตกงาน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี 31.76%

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็น 'การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในสายตาประชาชน' โดยสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,207 คน ระหว่างวันที่ 12-16 พ.ย. 2562 สรุปผลได้แบ่งออกเป็นดังนี้ 1.“5 อันดับปัญหาเศรษฐกิจ” ที่รุมเร้าประชาชน ณ วันนี้ พบว่า อันดับที่ 1 มองว่ามาจากข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 65.54 เพราะสินค้ามีต้นทุนสูง ทุกอย่างปรับขึ้นราคา รัฐขึ้นภาษีสินค้าต่างๆ ทำให้ราคาแพงขึ้น วิธีแก้ไข มองว่า ต้องควบคุมราคาสินค้า ลดราคาน้ำมัน มีส่วนลดสำหรับประชาชน อันดับ 2 มาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ ร้อยละ 39.19 สาเหตุมาจากรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ค่อยได้ผล เงินบาทแข็ง ท่องเที่ยวซบเซา เศรษบกิจโลกตกต่ำ วิธีแก้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

อันดับ 3 มองว่าเศรษฐกิจไม่ดีเห็นชัดจากการว่างงาน ตกงาน ถึงร้อยละ 31.76 สาเหตุมาจากเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีงานทำ สถานประกอบการขาดทุนต้องปิดตัวลง วิธีแก้ไข คือ ไม่เลือกงาน ลดรายจ่าย หางานพิเศษทำ ชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ อันดับ 4 รายได้ลดลง เงินไม่พอใช้ ร้อยละ 25.68 สาเหตุมาจากสถานประกอบการมีกำไรลดลง ข้าวของแพง รายจ่ายสูง วิธีแก้ไข คือ เพิ่มค่าแรง ขึ้นเงินเดือน ลดภาษี ลดดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ฯลฯ และอันดับ 5 การส่งออก การค้าและการลงทุนร้อยละ 17.48 สาเหตุมาจากเศรษฐกิจโลกซบเซา ต่างชาติ ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน วิธีแก้ไข คือ รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวฯลฯ

2.เรื่องที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือมากที่สุด คือ อันดับ 1 ควบคุมราคาสินค้า ลดค่าครองชีพ ไม่ขึ้นภาษีร้อยละ 54.34 อันดับ 2 แก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน สร้างงานสร้างรายได้ ขึ้นเงินเดือนร้อยละ 38.41 และอันดับ 3 พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นร้อยละ 31.15

3.ใครหรือหน่วยงานใดที่ประชาชนคาดหวังให้เข้ามาช่วยเหลือ อันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีร้อยละ 47.90 อันดับ 2 กระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง พาณิชย์ แรงงาน อุตสาหกรรม เกษตรฯ ร้อยละ 32.84 และอันดับ 3 ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ร้อยละ 24.94

ที่มาเรียบเรียงจาก: TNN | ThaiPBS | PPTV 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท