Skip to main content
sharethis

ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต สนับสนุนโครงการช่วยบัณฑิตตกงาน แต่ค้านนำเงินกองทุนประกันสังคมปล่อยกู้ ชี้โดยกฎหมายไม่สามารถทำได้ ผิดหลักการการประกันสังคม มีความเสี่ยงสูงในการกระทบต่อเงินทุนสำหรับกองทุนชราภาพ

17 พ.ย. 2562 ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าอัตราการว่างงานมีโอกาสปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตล่าสุดที่อยู่ในระดับต่ำ 64.7% ต่ำที่สุดในรอบ 94 เดือน แต่ตัวเลขการว่างงานอาจต่ำกว่าความเป็นจริงจากผู้ไม่มีงานทำจำนวนหนึ่งสมัครใจออกจากงานก่อนเกษียณ ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะไม่นับรวมอยู่ในกลุ่มคนว่างงานหากไม่ประสงค์จะทำงานแล้วแต่ถือว่าเป็นผู้ไม่มีงานทำก่อนวัยเกษียณ นอกจากคำนิยามของการว่างงานของไทยยังทำให้อัตราการว่างงานต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น ทำงานสัปดาห์ละไม่กี่ชั่วโมงก็ถือว่าไม่ว่างงานแล้วโดยที่ไม่ได้มีงานทำอย่างจริงจัง เป็นงานชั่วคราว ไม่มีความมั่นคง มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการจ้างงานตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงเดือน พ.ย. พบว่ามีการจ้างงานในกิจการใหม่และขยายกิจการอยู่ที่ 168,737 ตำแหน่งงาน มีการเลิกจ้างงานแล้ว 35,533 ตำแหน่งงาน จากข้อมูลส่วนนี้คาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์การจ้างงานหลังไตรมาส 3 ปี 2563 อาจปรับตัวในทิศทางดีขึ้นหากยังมีแนวโน้มของการขยายตัวการจ้างงานใหม่อยู่ ส่วนข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติและกระทรวงแรงงาน สำรวจภาวะการมีงานทำในเดือนกันยายนซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่พบว่ามีผู้ว่างงาน 3.85 แสนคน เทียบกับปีที่แล้ว มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นคน ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ปี 2563 จะมีนักศึกษาจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานอีก 5.24 แสนคน บัณฑิตจบใหม่เหล่านี้จะหางานทำไม่ได้ประมาณ 50-60% เนื่องจากตลาดแรงงานต้องการแรงงานที่จบสายช่างสายวิชาชีพ สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าสายสังคมศาสตร์ หลักสูตรที่ผลิตบัณฑิตที่ผ่านมาก็ไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในภาคการผลิตและภาคบริการ รวมทั้งหลายสถาบันผลิตคุณภาพบัณฑิตไม่ได้มาตรฐานและเป็นธุรกิจการศึกษามากกว่า นายจ้างจึงเลือกจ้างแรงงานที่มีประสบการณ์มากกว่า จะเกิดกระแสการควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการโดยกลุ่มทุนข้ามชาติมากขึ้น ส่งผลต่อตลาดการจ้างงาน 

ปัญหาการว่างงานและปัญหาบัณฑิตตกงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับจนอาจแตะระดับสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 และน่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากนั้น โครงการยุวชนสร้างชาติช่วยเหลือบัณฑิตตกงานจะช่วยบรรเทาปัญหาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ในระยะยาวแล้วเราต้องปฏิรูประบบการศึกษาให้เชื่อมโยงกับภาคการผลิตและตอบสนองต่อตลาดแรงงานมากขึ้น เนื่องจากปัญหาการว่างงานมีทั้งส่วนที่เป็นจากภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่พลิกโฉมภาคธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค

สำหรับโครงการยุวชนสร้างชาติถือเป็นนโยบายที่สอดรับกับสถานการณ์ความท้าทายปัญหาบัณฑิตว่างงาน เพราะว่าจะช่วยบัณฑิตตกงานให้มีงานทำไประยะหนึ่ง และได้รับค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง จะเป็นการบรรเทาปัญหาบัณฑิตตกงานได้บางส่วน ถ้าให้พวกเขาได้มีงานทำเป็นเวลา 1 ปี และทำงานพัฒนากับชาวบ้านก็อาจจะเป็นช่องทางให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นได้มีงานทำต่อไปหลังจากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ยังเป็นการตอบโจทย์เฉพาะหน้า ปัญหาหลักๆ ของไทยคือเราต้องการปฏิรูประบบการศึกษาครั้งใหญ่ จะต้องทำให้ระบบการศึกษาเชื่อมโยงกับภาคการผลิต ตลาดแรงงาน ความต้องการของตลาดแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการผลิตคนขึ้นมาแล้วทำงานไม่ได้

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ในฐานะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการกำหนดอัตราเงินสมทบและพัฒนาสิทธิประโยชน์ สำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจด้วยการนำเงินกองทุนประกันสังคมมาปล่อยกู้ว่าเป็นนโยบายและมาตรการที่ไม่ควรทำ เพราะตาม พ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ไม่สามารถนำเงินมาปล่อยกู้ให้ผู้ประกันตนได้ หากแก้กฎหมายให้ทำได้จะเป็นการทำลายหลักการของการประกันสังคมและทำให้เกิดความเสี่ยงต่อฐานะทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งระบบโดยเฉพาะกองทุนประกันชราภาพ สิ่งที่สำนักงานประกันสังคมดำเนินการผ่านทางอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายและพัฒนาสิทธิประโยชน์ทำมาโดยตลอด คือ การศึกษาและพิจารณาประเด็นการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญ กองทุนประกันชราภาพ และการปฏิรูประบบประกันสังคมทั้งระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฐานะทางการเงินในการจ่ายสวัสดิการให้กับผู้ประกันตน หากต้องการให้ผู้เดือดร้อนทางเศรษฐกิจเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มเติมควรทำผ่านช่องทางอื่นจะดีกว่า โดยโครงสร้างอายุของผู้ประกันตนจะทำให้เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญจะหมดไปภายใน 30 ปี อยู่แล้วหากเอาเงินกองทุนมาปล่อยกู้อีกจะยิ่งมีความเสี่ยงต่อผู้ประกันตนในอนาคต สิ่งที่เราควรทำ คือต้องทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลเสนอให้ใช้เงินกองทุน คือ ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่ม หรือ ปรับอายุการเกษียณเพื่อขยายเวลาการเกิดสิทธิบำเหน็จบำนาญเพื่อให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวและหลีกเลี่ยงภาวะการล้มละลายในช่วง 25-30 ปีข้างหน้า 

ส่วนการให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินบำเหน็จบำนาญบางส่วนใช้ก่อนโดยมีเงื่อนไขอาจสามารถทำได้ แต่จะช่วยตอบโจทย์ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจหรือกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และการใช้มาตรการนี้ก็ยังต้องแก้กฎหมาย เพราะคนที่นำเอาเงินในอนาคตมาใช้เมื่อถึงวัยเกษียณก็ต้องได้รับเงินบำเหน็จบำนาญลดน้อยลง เพราะต้องหักส่วนที่เอาไปใช้ก่อนแล้ว การใช้มาตรการดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาต่อผู้ประกันตนหลังเกษียณประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจหากมีเงินออมไม่เพียงพอได้ การใช้ประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนและเพื่อสวัสดิการด้านต่างๆของผู้ประกันตนและไม่ก่อให้เกิดภาระต่อลูกจ้าง นายจ้างและรัฐบาลในอนาคตอีกด้วย 

ผศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่าในช่วงต่อไปการการปิดงานชั่วคราวหรือการปิดโรงงานจะเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมส่งออก การส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานและคนงานมีอำนาจต่อรองมากขึ้นจะเป็นหลักประกันในการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและความเสมอภาคทางสังคม การจ้างงานที่ไม่เป็นมาตรฐาน การจ้างงานชั่วคราว การจ้างงานบางช่วงเวลาจะเพิ่มมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน และ ILO ฉบับ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักแห่งสิทธิในการรวมตัวกัน และการเจรจาต่อรอง จะช่วยทำให้ระบบการจ้างงานมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้แรงงานมากขึ้น และยังทำให้เกิด 'ประชาธิปไตย' ในสถานประกอบการอันเป็นรากฐานของประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับชาติอีกด้วย นอกจากนี้ การประกอบอาชีพอิสระ การจ้างงานนอกระบบ การจ้างงานไม่เป็นมาตรฐานจะมากขึ้น จึงจำเป็นต้องจัดระบบให้ระบบการจ้างงานแบบนี้ให้มีมาตรฐานเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการทำงาน เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของลูกจ้างด้วย 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net