Skip to main content
sharethis

สมบัติ บุญงามอนงค์ ตั้งคำถาม มาตรการ 'แจก 5 หมื่นซื้อบ้านใหม่ 1 แสนราย รัฐบาล' เอาอะไรคิด ? ขณะที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่งได้เงิน 5 พันบาท แต่บ้านเรือนเสียหาย แนะเอาเงินไปช่วยผู้ประสบภัยซ่อมสร้างบ้าน หรือ ซื้อบ้านใหม่ให้ชุมชนที่ถูกไล่รื้อตลอดแนวรถไฟ น่าจะดีกว่า

สมบัติ บุญงามอนงค์ อาสาสมัครเพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกิจกรรมอาสาล้างบ้าน

27 พ.ย.2562 หลังจากวานนี้ (26 พ.ย.62) คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลัง มาตราการหนึ่งคือ มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” เพื่อเป็นการลดภาระ และสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 100,000 ราย และผ่านเกณฑ์ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 – 31 มี.ค.63 นั้น

ล่าสุด สมบัติ บุญงามอนงค์ หัวหน้าพรรคเกรียน ( บก.ลายจุด หรือ พี่หนูหริ่ง ) อดีตประธานกรรมการมูลนิธิกระจกเงา เป็นหนึ่งองค์กรที่ลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครเพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกิจกรรมอาสาล้างบ้าน หลังสถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานีและใกล้เคียงมีผู้ประสบภัยกว่า 25,000 ครัวเรือน ในปีนี้ โพสต์ข้อความวิจารณ์มาตราการนี้ของรัฐบาลว่า แจก 5 หมื่นซื้อบ้านใหม่ 1 แสนราย รัฐบาลเอาอะไรคิด ? ขณะที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่งได้เงิน 5 พันบาท แต่บ้านเรือนเสียหาย กำแพง ประตู หน้าต่าง เสา คาน หรือบางหลังถึงกับพังทั้งหลังอยู่ไม่ได้ ถ้าคิดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเอาเงินไปช่วยผู้ประสบภัยซ่อมสร้างบ้านน่าจะดีกว่า

"ไม่เท่านั้นโครงการของรัฐอย่างโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 สนามบินทำให้เกิดการไล่รื้อชุมชนตลอดแนวรถไฟอีกนับไม่ถ้วน ถ้าจะมีใครที่ควรได้รับเงินไปซื้อบ้านใหม่ ควรเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐ การลำดับความสำคัญควรมีอยู่ในหลักการบริหาร ถ้าไม่รู้ลองค้นใน Google ดู" สมบัติ โพสต์

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนอกจาก โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” ดังกล่าวแล้ว วานนี้ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจในปี 2562 มีการเจริญเติบโตและขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชน เกษตรกรรายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

1. โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ 2563 ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย ได้แก่  1.1 โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติภายใต้วงเงินรวม 14,348.4 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กในชุมชน สนับสนุนผู้ประกอบการ และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุมชน โรงงานผลิตปุ๋ยประจำชุมชน การจัดทำแหล่งเก็บน้ำชุมชน เครื่องจักรสำหรับแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น หรือกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่ชุมชนเห็นว่าเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ในชุมชนให้ดีขึ้น 

1.2 โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สถาบันการเงินประชาชน สถาบันการเงินชุมชน สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม และผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร เพื่อเป็นค่าลงทุนในการดำเนินกิจการและเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติของ ธ.ก.ส. ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2565 

1.3 โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ โดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองพักชำระหนี้หรือลดภาระหนี้เงินกู้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้กับสมาชิกที่มีความเดือดร้อนตามแนวทางที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนด เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ผ่อนคลายภาระการชำระหนี้ที่มีกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสามารถนำเงินส่วนดังกล่าวมาประกอบอาชีพสร้างรายได้ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและหนี้นอกระบบ 

2. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร โดยการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการโดยสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/2563 พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้เกษตรกรจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2562 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. 2563 เนื่องจากมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net