Skip to main content
sharethis

ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินของไต้หวันเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับความพยายามแผ่อิทธิพลจีนในไต้หวัน หลังมีผู้แปรพักตร์จากจีนแจ้งกับหน่วยข่าวกรองออสเตรเลียว่าจีนแผ่นดินใหญ่ใช้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นเครื่องมือบังหน้า ลักลอบแทรกซึมเกาะไต้หวันโดยการส่งอิทธิพลต่อการเมืองและต่อสื่อของไต้หวัน

ภาพกรุงไทเป เมืองหลวงไต้หวัน (ที่มา: Pixabay)

29 พ.ย. 2562 มีผู้อ้างว่าเป็นคนแปรพักตร์ของรัฐบาลจีนที่ชื่อ หวังลี่เฉียง หรือ วิลเลียม หวัง นำเสนอข้อมูลในเรื่องที่ทางการจีนแผ่นดินใหญ่มีปฏิบัติการแทรกซึมและพยายามส่งอิทธิพลต่อประเทศอื่น โดยมีการเปิดเผยเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของออสเตรเลีย หลังจากที่หวังเปิดเผยเรื่องนี้แล้วเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในซิดนีย์พร้อมกับภรรยาและลูก

ทางการจีนได้ออกมาปฏิเสธว่าหวังไม่ใช่คนของรัฐบาลจีนอย่างที่เขาอ้าง และออกเอกสารแถลงว่าพวกเขาต้องการตัวหวังในฐานะผู้กระทำผิดฐานต้มตุ๋นหลอกลวง ในขณะที่ตอนนี้หน่วยงานข่าวกรองของออสเตรเลียกำลังอยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ยืนยันข้อมูลของหวัง

อย่างไรก็ตาม ทางการไต้หวันได้ดำเนินการไปล่วงหน้าแล้ว โดยในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมาพวกเขาทำการจับกุม เซียงซิน และกุงชิง สองผู้อำนวยการบริษัทไชน่าอินโนเวชันอินเวสต์เมนต์ ที่สนามบินนานาชาติเตาหยวน หลังจากชื่อบริษัทของพวกเขาถูกนำเสนอในรายงานข่าวเกี่ยวกับข้อมูลของหวัง สื่อในไต้หวันรายงานว่าทั้งสองคนให้ความร่วมมือกับทางการในการไต่สวน และหลังจากนั้นหนึ่งวันก็สามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของกรุงไทเป เมืองหลวงไต้หวันได้โดยไม่ถูกจำกัดการเดินทาง

ทั้งนี้ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของไต้หวัน ผู้ที่ต้องการจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปในปี 2563 กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักไว้ก็คือ "การที่จีนแทรกซึมเข้ามาในสังคมไต้หวันและการที่จีนแทรกแซงการเลือกตั้งของไต้หวันนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน"

ไช่อิงเหวินกล่าวอีกว่า ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สังคมไต้หวันควรจะได้รับรู้อย่างกระจ่าง ไช่อิงเหวินกล่าวอีกว่า "ประชาธิปไตยไม่ได้ลอยลงมาจากท้องฟ้า ... พวกเราต้องทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองเพื่อปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย"

เซียงซิน และกุงชิง ถูกไต่สวนในข้อหาต้องสงสัยละเมิดกฎหมายความมั่นคงในชาติและถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ พวกเขาถูกสกัดจับจากหน่วยงานสำนักงานสืบสวนไตหวันและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไต้หวันที่สนามบินเตาหยวนเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ช่วงเวลาสามทุ่ม เพื่อไม่ให้พวกเขาเดินทางออกนอกประเทศได้

หวังกล่าวหาว่าบริษัทของเซียงซิน และกุงชิง ถูกใช้เป็นเครื่องมือบังหน้าในการให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนสร้างอิทธิพลทางการเมืองต่อไต้หวันและฮ่องกงผ่านทางสื่อและองค์กรอื่นๆ พวกเขาต้องสงสัยว่าจะละเมิดกฎหมายมาตราที่ 2 หมวด 1 ของกฎหมายความมั่นคงไต้หวันซึ่งระบุห้ามไม่ให้ผู้ใด "ก่อตั้ง สนับสนุนทางการเงิน เป็นผู้ให้พักพิง ชักใยบงการ สังหาร หรือพัฒนาองค์กรที่เป็นตัวแทน (ของจีน)" ถ้าหากพวกเขาพบว่ามีความผิดจริงก็มีโอกาสถูกจำคุกมากกว่า 7 ปี และถูกสั่งปรับหลายล้านดอลลาร์

เลขาผู้บริหารของคณะกรรมการตรวจสอบการลงทุน ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันกล่าวว่าประวัติของบริษัทไชนาอินโนเวชันอินเวสต์เมนต์ "ไม่ตรงไปตรงมา" และได้ปฏิเสธคำขออนุมัติลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ในช่วงต้นปี 2559 ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคง ทางการไต้หวันเปิดเผยว่าบริษัทดังกล่าวทำการซื้ออสังหาริมทรัพย์ การปล่อยเช่า และการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ โดยที่บริษัทนี้มีประวัติการให้ความร่วมมือกับกองทัพจีนทำให้หน่วยงานตรวจสอบไต้หวันเชื่อว่าจะมีผลกระทบกับความมั่นคง

เรดิโอฟรีเอเชียรายงานว่าไต้หวันเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยในปี 2531 หลังจากการเสียชีวิตของเจี๋ยง เหว่ยกั๋ว ไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติจนกระทั่งมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคะแนนเสียงของประชาชนโดยตรงครั้งแรกในปี 2539 โดยที่ไต้หวันไม่เคยถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนและไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ทางการจีนต้องการปกครองไต้หวันโดยอาศัยแนวคิด "หนึ่งประเทศ สองระบบ" แบบเดียวกับที่เคยใช้หลังฮ่องกงและมาเก๊ากลับคืนสู่จีนหลังตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ ทั้งนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะถึงขนาดใช้กำลังเข้ายึดไต้หวันเป็นของตัวเอง

ไช่อิงเหวินกล่าวย้ำว่า ประชาชนชาวไต้หวัน 23 ล้านคนไม่ต้องการมอบอธิปไตยตัวเองแก่จีน นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่วิจารณ์รัฐบาลฮ่องกงที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่มาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่มีการประท้วงใหญ่ในฮ่องกงตั้งแต่กลางปีจนถึงตอนนี้ รวมทั้งย้ำว่าไต้หวันอาจจะประสบชะตากรรมเดียวกับฮ่องกงถ้าหากยอมทำตามแผนการของจีน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) สื่อซีบีเอสของออสเตรเลียยังรายงานคำให้การของวิลเลียม หวังต่อหน่วยข่าวกรองของออสเตรเลียว่า เขาเคยมีส่วนแทรกแซงผลการเลือกตั้งในการเลือกตั้งระดับเทศบาลในไต้หวันเมื่อปี 2561 และยังมีแผนจะแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในไต้หวันด้วย นอกจากนั้นเขายังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อความวุ่นวายในหมู่ผู้ชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง 

หวังระบุว่าเขาพำนักอยู่ในซิดนีย์ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และมีแผนจะติดต่อทำสถานะผู้ลี้ภัย

เรียบเรียงจาก

Taiwan Probes Hong Kong-based Company After Chinese Defector Allegations, Radio Free Asia, Nov. 26, 2019

Self-confessed Chinese spy spills secrets in Australia, CBS17, Nov. 23, 2019

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net