Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

หมอกยามค่ำ มุงมัวทั่วเมือง
แสงแห่งดวงดาวสะท้อนประกายยังชายน้ำ
ค่าจ้างค่าออนลดถดถอย
เงินทองร้างรา คุณค่าแผ่วผิว
แถวถิ่นที่รักยิ่งของข้า เป็นเพียงความทรงจำแสนหวาน
ก้าวย่างไปบนหนทางสายใหม่
เผชิญความจริงที่เขาบอกว่า ค่าแรงต่ำ
ก็เพื่อต่อสู้เหล่าคู่แข่ง

อาวุธร้ายสุดเสียดแทงของข้านั้น ปลดเก็บไว้ในหิ้ง
มานั่งพักบนตักนี้เถอะ
ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวีชีวา
ที่รักประจักษ์ใจ
ฟังเสียงล้อเหล็กบดราง
ข้าหลับตาลงแน่วนิ่ง
นั่งขึงตรึงกมล สกดกั้นความหิวโหย
มิให้ย่างกรายมาเยือน

พบกันที่เบื้องล่าง, อย่าชักช้าแชเชือน
ฝากหอบรองเท้า อีกทั้งบูทคู่ใจข้ามาด้วย
จะเฉยอยู่ หรือสู้ยิบตา ออกแถวแนวหน้า
ร่ายร้องเพลงเศร้าเหล่ากรรมาชน

ข้ากางใบเรือแล่นกลับมานี้ พร้อมสู้สู่หนไกล
โยกโยนปะทะฝ่าคลื่นและลม
ข้าจะลากพวกเขาลงนรก ผลักมันพิงพับกับกำแพง
ส่งให้ศัตรูคู่อาฆาต
ข้าป้อนความคิดปลอบจิตตน
แล้วหลับตาขอนอนพักสักวันเถอะ
บางครั้งสิ่งมีอยู่มันไร้คุณค่าราคา แจกจ่ายไปไม่มีใครต้องการ
ให้ไปไม่มีใครรับ

ทั่วถิ่นล้อมรอบด้วยมวลศัตรูหมู่มาก
บ้างหูหนวกและบ้าใบ้
หญิงชายใดมิใคร่รู้
ชั่วขณะความอาดูรจะมาถึง
ในความมืด ข้าแว่วเสียงนกราตรีกู่ขัน
ลมหายใจแผ่วบางของคนรัก
ข้าหลับไหลในห้องครัว เท้ายืดขวางบนทางเดิน
นิทรารมย์นั้น เหมือนดั่งความตายชั่วครู่ชั่วยาม

พบกันที่เบื้องล่าง, อย่าชักช้าแชเชือน
ฝากหอบรองเท้า อีกทั้งบูทคู่ใจข้ามาด้วย
เจ้าจะเฉยอยู่หรือสู้ยิบตา ออกแถวแนวหน้า
ร่ายร้องเพลงเศร้าเหล่ากรรมาชน

พวกเขาเผายุ้งฉาง พร่าชิงเอาม้าข้าไป
ข้าเก็บออมมิได้ แม้สตางค์เดียว
ระแวดระวัง มิให้ถูกบีบถูกคั้น
ให้หันเข้าหามิจฉาชีพ
ข้าเห็นด้วยตาตน พระอาทิตย์ยามอัสดง
อยากเหลือเกิน อยากให้เจ้าเคียงด้วยช่วยยล
หันมาบอกหน่อยว่า ข้าคิดผิด ฟั่นเฟือน
ข้าถูกลืมเลือนไปหมดสิ้น

บัดนี้พวกเขาลนลาน ปริวิตก ตระหนกจิต
คืนวันผันล่วงและเปล่าดาย
พวกเขานั้นข้าจะลืมเสีย
จดจำไว้แต่เพียงเจ้า
ฝังอยู่ในความทรงจำครั้งก่อนเก่า
เชือดเฉือนข้าด้วยวาจา
แทบอยากดึงลิ้นมากรีดสิ้น
เถอะนะ ถ้อยคำร่ำลือที่เจ้ายินมานั้น มันจริงแท้แหละหนา

พบกันที่เบื้องล่าง, อย่าชักช้าแชเชือน
ฝากหอบรองเท้า อีกทั้งบูทคู่ใจข้ามาด้วย
เจ้าจะเฉยอยู่หรือสู้ยิบตา ออกแถวแนวหน้า
ร่ายร้องเพลงเศร้าเหล่ากรรมาชน

ข้านี้มิได้ตำหนิติฉินเจ้าดอกเพื่อนเอ๋ย
หันมาสบตาข้าตรงๆ
มิมีผู้ใดจะกล่าวได้
ว่าข้าหยิบอาวุธมาราวีเจ้า
ในท้องทุ่งสงัดและงามสงบ
ที่เขาจะทอดร่างเจ้าลง
ตัดเขาโง้งของเจ้า สับร่างด้วยคมเหล็ก
ข้ากล่าวไว้นั้น มันเรื่องจริง
บัดนี้ข้ายับเยินและช้ำชอก
มีโอกาสเปิดใหม่ ให้เจ้าเข้ามา
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเหงา หากเจ้าจะคืนหลัง
มานำพาควงคู่ รื่นระบำรำฟ้อน
ข้ามีเสื้อผ้าชุดอ่าเอี่ยม ภรรยาคนใหม่หมาด
ยังชีวินกินข้าวแกมถั่วเป็นภัตตาหาร
บางผู้คนเขามิเคยจับต้องการงานในชีวิต
มิรู้ความหมายว่า เหงื่อตกนั้นคือฉันใด

พบกันที่เบื้องล่าง, อย่าชักช้าแชเชือน
ฝากหอบรองเท้า อีกทั้งบูทคู่ใจข้ามาด้วย
เจ้าจะนิ่งเฉยอยู่หรือสู้ยิบตา ออกแถวแนวหน้า
ร่ายร้องเพลงเศร้าเหล่ากรรมาชน
 

Workingman’s Blues #2 เปิดด้วยประเด็นเศรษฐกิจ ที่ยังยืดเยื้อในโลกเรานี้ ดีแลนใช้คำว่า proletariat หมายถึงกรรมาชน คนใช้แรงงาน ศัพท์ที่ค่อนข้างผูกติดอยู่กับลัทธิมาร์กซิสต์ ครั้งหนึ่งยอดฮิตในหมู่นิสิตนักศึกษาหัวก้าวหน้า เขาปฏิเสธการผูกติดกับปรัชญาทางการเมืองใดๆ ตลอดมา แต่การเลือกใช้คำนั้น ก็ประกาศตัวชัดแจ้งทีเดียว 

ตามที่ทราบกันดี ผลงานยุคแรกๆของเขา เขียนชูสิทธิ์เสรีภาพและต่อต้านสงคราม เช่น Blowin’ in the Wind, Masters of War หรือ When the Ship Comes In 

ปี 2006 เขาหวนกลับมาบอกไว้ในเพลงนี้ว่า “My cruel weapons have been put on the shelf.” อาวุธสุดสากรรจ์ของเขานั้น ขึ้นหิ้งไว้หมดแล้ว ในยุคมิลเลนเนียล ถ้อยคำของเขา ยังแสดงจุดยืน ที่เข้าอกเข้าใจและยืนอยู่กับผู้ยาก ไม่เปลี่ยนแปลง ฉันเห็นเช่นนั้นนะ

อะไรบางอย่างทำให้ฉันคิดถึงพ่อ ผู้หาเลี้ยงชีพด้วยแรงงาน หนี้สินรุมเร้า สูญเสียโรงสีข้าว หัวใจแหลกสลาย พ่อจากไปนานมากแล้ว ยามเยาว์นั้นฉันไม่เคยเข้าใจ เหตุใดคนจึงจำต้องขายที่ ขายเครื่องมือทำกิน    



อ้างอิง
http://www.bobdylan.com/songs/workingmans-blues-2/
https://youtu.be/XU7wbhFQ_vQ
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net