เอกสิทธิ์ หนุนภักดี: คนที่คุณธนินท์คีบอาหารให้

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

คอลัมนิสต์และบรรณาธิการบริหารสำนักข่าวออนไลน์ของไทยท่านหนึ่งได้ลงข้อความว่าท่านได้รับเชิญจากคุณธนินท์ให้มาที่ปารีสเพื่อติดตามการทำงานของคุณธนินท์และได้มีโอกาสรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน บรรณาธิการบริหารท่านนั้นเขียนไว้ว่า “ผมเข้าใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงเคยเล่าว่าคุณธนินท์ให้เกียรติคนมาก เพราะคนระดับท่านคีบอาหารให้ผมทุกจานเลยครับ”

การคีบอาหารให้สามารถมีความหมายหลากหลาย อาจจะเป็นการให้เกียรติก็ได้ อาจจะเป็นลักษณะนิสัยที่ชอบดูแลผู้คนรอบข้างก็ได้ หรืออาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้รับสาร ถึงที่สุดแล้วก็คงไม่มีใครรู้แน่ว่าการคีบอาหารให้แก่บุคคลต่างๆ ของคุณธนินท์ในแต่ละครั้งนั้นคุณธนินท์คิดอะไรอยู่ในใจ ความน่าสนใจของข้อความนี้ไม่ได้จึงอยู่ที่ว่าคุณธนินท์จะเป็นคนที่ให้เกียรติคนจริงหรือไม่แต่อยู่ที่ตัวบุคคลที่คุณธนินท์คีบอาหารให้นั่นแหละว่าคีบให้ใครและส่งผลอย่างไร

ในครั้งนี้ คุณธนินท์คีบอาหารให้คอลัมนิสต์และบรรณาธิการบริหารสำนักข่าวออนไลน์ที่คุณธนินท์เชิญไปปารีสเพื่อติดตามการทำงานของคุณธนินท์ เนื่องจากบุคคลดังกล่าวทำงานในบทบาทสื่อมวลชนเป็นหลัก ต่อข้อมูลนี้คำถามพื้นฐานที่ควรจะถามคือ บุคคลดังกล่าวไปในฐานะอะไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ระยะห่างระหว่างคุณธนินท์กับบุคคลดังกล่าวมีแค่ไหน อย่างไร เนื้อหาสาระของสิ่งที่บุคคลดังกล่าวติดตามและน่าจะนำมาเผยแพร่ในช่องทางต่างๆ ของสำนักข่าวของท่านและพื้นที่สาธารณะส่วนตัวของท่านเองนั้นจะจัดอยู่ในหมวดใด advertorial? ข่าว? หรืออะไร 

บุคคลสาธารณะทุกคนย่อมมีสถานะอย่างน้อย 2 สถานะคือสถานะปัจเจกบุคคลและสถานะบุคคลสาธารณะ ในสถานะแรก ความคิด คำพูดและการกระทำย่อมเป็นสิทธิและเป็นเรื่องส่วนบุคคลของแต่ละคน ในขณะที่สถานะหลังทำให้ความคิด คำพูดและการกระทำของบุคคลเหล่านั้นแยกไม่ออกจากประโยชน์สาธารณะด้วย 

เมื่อทั้ง 2 สถานะอยู่ในบุคคลคนเดียวกัน การแสดงออกและการรับรู้ครั้งหนึ่งๆ ย่อมรับรู้สถานะใดสถานะหนึ่งเป็นหลักและรับรู้อีกสถานะหนึ่งรองลงไปหรือไม่รับรู้เลย การตระหนักรู้สถานะของผู้กระทำการนี้เองเป็นตัวกำหนดความหมายของคำพูดและการกระทำของพวกเขา (ไม่ใช่เจตนารมณ์) เช่นการที่คุณธนินท์คีบอาหารให้จะมีความหมายอย่างไรย่อมถูกกำกับโดยรับรู้สถานะของคุณธนินท์และผู้ที่คุณธนินท์คีบอาหารให้ว่าแสดงออกในสถานะส่วนบุคคลหรือสาธารณะบุคคล คุณธนินท์ที่คีบอาหารให้ญาติมิตรย่อมแตกต่างอย่างมากกับคุณธนินท์ที่คีบอาหารให้คอลัมนิสต์แม้ว่าจะเป็นคุณธนินท์คนเดิม 

เพื่อลดปัญหาความวุ่นวายจากการทำความเข้าใจสถานการณ์อันคลุมเครือเช่นนี้ อำนาจได้ผลิตคำศัพท์และกระบวนความคิดจำนวนหนึ่งให้ทำหน้าที่อำพรางความทับซ้อนของผลประโยชน์ไว้เพื่อให้คนในสังคมสื่อสารและอยู่ร่วมกันอย่าง “มีระเบียบ” ได้โดยไม่ต้องตั้งคำถามเพราะอำนาจทำให้กลายใช้อำนาจกลายเป็นความปรกติ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่การยืมปากผู้อื่นโฆษณาวาระของตนจะแสดงออกและรับรู้ในฐานะ “การให้เกียรติ” ด้วยเหตุที่ว่า “การให้เกียรติ” ได้ผลักด้านปัจเจกบุคคลของผู้พูดออกมาให้เด่นชัดและคลุมความหมาย “สาธารณะบุคคล” ของผู้พูดให้พร่าเลือนไป ส่งผลให้กิจกรรมที่กระทำร่วมกันอันอาจมีประเด็นผลประโยชน์สาธารณะให้พ้นไปจากการรับรู้ของสังคมกลับกลายมาเป็นความสัมพันธ์ส่วนบุคคลอันงดงามน่าชื่นชม 

คุณธนินท์ไม่ได้คีบอาหารให้บุคคลท่านนั้นเพียงคนเดียว ยังมี “ใครๆ” ในทำนองเดียวกันอีกหลายคนที่คุณธนินท์คีบอาหารให้ และอาจจะไม่ได้คีบอาหารให้กันเพียงมื้อเดียวคราวเดียวกระทั่งอาจมีการคีบอาหารให้กันอย่างเป็นระบบ

คำถามที่สังคมควรจะต้องถามก็คือคุณธนินท์คีบอาหารให้ใครบ้าง แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่อย่างไรในสังคม มีความสัมพันธ์กับคุณธนินท์กับบริษัทในเครืออย่างไรทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือมีความสัมพันธ์กันเองอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือในวงเครือข่ายเจ้าสัวนี้ ประกอบด้วยใครบ้าง ทำอะไรกัน ก่อประโยชน์เพิ่มพูนให้ตนเองและพวกพ้องอย่างไร สร้างภาระลิดรอนผลประโยชน์ประชาชนทั่วไปหรือไม่อย่างไร

และแน่นอนว่าไม่ควรถามคำถามเหล่านี้กับคุณธนินท์เพียงคนเดียว แต่ควรตั้งคำถามเหล่านี้กับคนอย่างคุณธนินท์อีกหลายๆ คน

คุณธนินท์เป็นเจ้าของกิจการขนาดยักษ์ที่ใช้ทรัพยากรส่วนรวมของประเทศอย่างมหาศาล มีทั้งด้านที่ให้ประโยชน์กับผู้คนและก็มีทั้งด้านที่มีผู้คนร้องเรียนแสดงออกว่าเสียผลประโยชน์กระทั่งถูกบริษัทในเครือของคุณธนินท์เอารัดเอาเปรียบ ไม่ว่าเนื้อแท้คุณธนินท์จะเป็นคนเช่นไรแต่ในภาคปฏิบัติการแล้วคำพูดและการกระทำของคุณธนินท์มีผลทางการเมืองในความหมายรูปธรรมคือเพื่ออำนาจที่มากขึ้นของคุณธนินท์และพวก 

คุณธนินท์มีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กรอบกฎหมาย (ที่แม้จะบิดเบี้ยวแต่ก็ยังพอใช้เป็นเกณฑ์ได้) ในการแสวงหาและรักษาผลประโยชน์เพื่อตัวคุณธนินท์และพวก ในขณะเดียวกันนักการเมือง ข้าราชการ ราษฎรอาวุโส ปัญญาชนสาธารณะ ตลอดจนสื่อมวลชนก็มีบทบาทหน้าที่ที่สมัครใจรับมาทำ (และได้รับประโยชน์ในการแปะป้ายยี่ห้อนั้น) เพื่อที่จะตรวจสอบคานอำนาจระหว่างสถาบันต่างๆ ในสังคม

หากบุคลากรที่มีหน้าที่ตรวจสอบคานอำนาจมาร่วมวงกินโต๊ะเดียวกันกับผู้ที่ต้องถูกตรวจสอบอย่างปลื้มอกปลื้มใจเสียแล้ว พวกท่านเหล่านั้นจะมีวิธีทำหน้าที่ของพวกท่านอย่างเที่ยงตรงได้อย่างไร 

ภารกิจพูดกับอำนาจมีบทบาทสำคัญในการค้ำจุนและขยายเสรีภาพที่มีคุณค่ามากเกินกว่าจะยอมยกมันไปให้กับมือที่คีบอาหารให้

 

ที่มาภาพ: The Standard https://thestandard.co/when-jack-meets-dhanin/

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท