18 ธ.ค. 2562 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานได้เชิญ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงในกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 161 กำหนด

โดยอภิสิทธิ์ ให้ความเห็นว่า การถวายสัตย์ฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นไม่ครบตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องของการตีความ ซึ่งตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ ทั้งยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไร หากเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในสมัยที่ตนเองดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็ตอบไม่ได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในช่วงที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวถ้อยความตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ถามต่อว่า การที่นายกฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญระบุ จะถือว่าเป็นการทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อภิสิทธิ์ เห็นว่า การถวายสัตย์ฯ ได้ผ่านมานานแล้ว และช่วงที่ผ่านมารัฐบาลเองก็ได้ดำเนินการเรื่องต่างๆ ไปหลายเรื่องแล้ว จึงไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไร แต่ถ้าเป็นตนเองจะถวายสัตย์ฯ ให้ครบตามรัฐธรรมนูญ

ด้านไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ ได้ถามว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา พร้อมให้เหตุผลว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างพระมหากษัตริย์กับฝ่ายบริหารนั้นถือว่า เรื่องนี้จบลงแล้วหรือไม่ อภิสิทธิ์เห็นว่า จำเป็นต้องแยกประเด็นให้ออกจากกัน เพราะกรณีที่ตนเองมาให้ความนี้เป็นการทำหน้าที่ของคณะกรรมธิการในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายกฯ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ควรแยกออกจากเรื่องของพระราชอำนาจ

ขณะที่ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ ได้ถามว่า โดยปกติแล้วบัตรแข็งที่เขียนระบุถ้อยคำถวายสัตย์ฯ นั้นสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้จัดเตรียมไว้ หรือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้จัดเตรียมมาเอง อภิสิทธิ์ตอบว่า โดยปกติสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้จัดเตรียมมาให้ แต่ถือว่าผู้เตรียมบัตรแข็งจะเป็นใครไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่นำกล่าวถ้อยคำถวายสัตย์ฯ คือ นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ