Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อได้อ่าน โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง/อุปนิสัยที่ชี้ชะตากรรม ที่เผยแพร่ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2562 แล้วพบว่าเป็นบทความแสดงความเห็นที่ไม่น่าให้อภัย

1. ตรงกันข้ามกับการที่อ้างว่าไม่มีการศึกษาว่า "ทำไมหญิงอีสานจึงเลือกการไต่สถานะทางสังคมให้ตนเองและลูกด้วยการแต่งงานกับชาวต่างชาติและย้ายประเทศ" มีงานศึกษาหลายชิ้นที่พยายามอธิบายเงื่อนไขและปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงชนบทตัดสินใจแต่งงานกับฝรั่ง

2. ที่ยกตัวอย่างว่า "ทำไมสาวอีสานที่ตั้งใจเรียน และไต่เต้าสถานะทางสังคมแบบคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช จึงมีน้อยมาก" เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เรียนต่อต่างประเทศและแต่งงานกับลูกชายผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพฯ

3. กับคำถามว่า "ทำไมสาวอีสานจึงนิยมหาทางออกด้วยการแต่งงานกับฝรั่งกันมาก หนึ่งในนั้นเพราะวัฒนธรรมพึ่งพาคนอื่นมากกว่าการพึ่งพาตนเองใช่หรือไม่" ไม่จริง ผู้หญิงชนบทเป็นนักสู้ที่ยืนด้วยตนเองและไม่ได้แค่สู้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อครอบครัวด้วย

4. กับประโยคที่ว่า "สาวอีสานพอใจที่จะมีชีวิตง่ายๆ เป็นผู้รับคำสั่ง ไม่ต้องคิดมาก ทำงานง่ายๆ เก่งที่จะบริการ อุปนิสัยเช่นนี้คือสิ่งที่ชี้ชะตากรรมชีวิตของพวกเธอ" อุปนิสัยคือสิ่งที่ชี้ชะตากรรมของผู้หญิง หรือความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐที่จะสนับสนุนให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น?

การจะเข้าใจผู้หญิงชนบท/ผู้หญิงชั้นกลางระดับล่างของไทย ต้องเข้าใจความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วงก่อน อาจแบ่งได้เป็น 3 ช่วงใหญ่ นั่นคือ เริ่มแรกทศวรรษ 2510 นับเป็นช่วงต้นของการปรับตัวเข้าสู่เมืองของคนชนบท ทั้งหญิงและชายเดินทางออกจากบ้านเกิดไปเป็นแรงงานในเมือง ผู้หญิงจำนวนมากเนื่องจากการศึกษาไม่สูงนักและบางส่วนไม่มีการศึกษา นอกจากจะขายแรงงานแล้วยังเข้าสู่ธุรกิจการบริการทางเพศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือมักจะเรียกกันว่า “ลงไปทำงานที่กรุงเทพฯ” ในช่วงนี้มีการนิยามว่าเป็น “ยุคสาวล่องกรุง หนุ่มล่องกอง” ต่อมาในทศวรรษ 2520 การพัฒนาเศรษฐกิจและการเติบโตของเมือง ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ผู้หญิงชนบทเริ่มมีทางเลือกมากขึ้นนอกเหนือไปจากการเข้าสู่ธุรกิจทางเพศ งานในส่วนของการท่องเที่ยวและการบริการไม่ได้ต้องการความรู้ที่สูงมากนักเท่ากับการปรับตัวและการเรียนรู้ อาจกล่าวได้ว่ายุคนี้นับเป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ของผู้หญิงชนบทก็ว่าได้

และจากทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา โลกที่พัฒนาสู่ความทันสมัยมากขึ้น ความเป็นเมืองเริ่มขยายตัวส่งผลให้การเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศเริ่มเพิ่มมากขึ้นสำหรับคนชนบท ผู้หญิงชนบทกับการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกทั้งจากการเดินทางไปทำงานต่างประเทศและการแต่งงานกับชาวต่างชาติ มีการหาคู่ชาวต่างชาติเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ในบางหมู่บ้านมีการจ้างครูมาสอนภาษาต่างประเทศและการใช้โปรแกรมสนทนาหาคู่ทางอินเตอร์เน็ต ในช่วงนี้แม้ว่าคนชนบทจะออกไปสัมผัสกับโลกภายนอกมากขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาคือประสบการณ์ของความล้มเหลวและความสำเร็จ นับเป็นช่วงเวลาของการล้มลุกคลุกคลานอย่างแท้จริงที่จะลองผิดลองถูกในการไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ

ในส่วนของการทำความเข้าใจผู้หญิงชนบท ต้องเอากรอบทางศีลธรรมและบรรทัดฐานของคนชั้นกลางออกไปก่อน และเข้าใจคนกลุ่มนี้ในแง่ที่ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมได้หล่อหลอมให้คนชนบทมีวัฒนธรรมและมาตรฐานทางศีลธรรม ตลอดจนความคิดและความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างมากกับชนชั้นกลาง หากไม่เข้าใจตรงจุดนี้ เราจะไม่สามารถทำความเข้าใจคนชนบทได้อย่างแท้จริง ซึ่งการพิจารณาความคิดความรู้สึกของผู้หญิงกลุ่มนี้ผ่านทาง นิตยสารคู่สร้างคู่สมและนิยายสาวโรงงาน (สิ่งพิมพ์ทั้งสองประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้หญิงชนบท/ชั้นกลางระดับล่าง จึงถูกเลือกมาเพื่อเป็นภาพสะท้อนได้ส่วนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด) จะพบว่าลักษณะสำคัญๆ ของความเป็นผู้หญิงชนบท ได้แก่


เงิน เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตและความสัมพันธ์

การเข้าสู่ความเป็นเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ผู้หญิงปรับตัวที่จะเป็นผู้ถือเงินแทนผู้ชาย เพราะการมีเงินเท่ากับการมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของครอบครัว การคิดพึ่งพาสามีไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงต้องการจะเป็นเพราะจะทำให้ตนเองไม่มีต้นทุนในการต่อรองตัดสินใจอะไรไม่ได้ ดังนั้นผู้หญิงจึงถูกหล่อหลอมให้ยืนหยัดด้วยตนเองมากกว่าจะปล่อยชีวิตของตนให้อยู่ในอำนาจทางเศรษฐกิจของผู้ชาย ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง หากผู้ชายกินเหล้าเมายาจนส่งผลต่อทางการเงินก็อาจเลิกรากันได้ แต่ในทางกลับกันหากผู้ชายมีข้อเสียเล็กๆ น้อยที่ยังไม่กระทบสถานภาพทางการเงิน ความสัมพันธ์ก็ยังไปต่อได้

นอกจากนี้ ขณะที่นิยายของผู้หญิงชั้นกลางมักจะมุ่งหวังรักแท้จากสุภาพบุรุษที่รูปร่างหน้าตาดี นิยายของโรงงานกลับเน้นผู้ชายที่รับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่เล่นการพนันและติดเหล้า ในที่นี้ผู้ชายที่นับเป็น “คนดี” ในมุมมองของผู้หญิงชนบทจึงเท่ากับคนที่หาเงินได้ก็ให้ตนเองเป็นผู้ถือเอาไว้ จะเห็นได้ว่าแค่ข้อแรกก็เป็นความแตกต่างอย่างมากกับคติความรักของชนชั้นกลางที่บูชารักแท้มากกว่าจะพูดกันถึงเรื่องเงิน จึงไม่แปลกใจที่จะพบว่าผู้หญิงชนบท/ผู้หญิงชั้นล่างถูกโจมตีจากนักศีลธรรมนิยมอยู่เสมอว่าเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน หากพิจารณาลงลึกแล้ว จะพบว่าการบูชาเงินมากกว่าความรักเป็นไปเพราะเหตุผลของความมั่นคงในครอบครัว ไม่ได้เป็นไปเพื่อตัวผู้หญิงเองเพียงอย่างเดียว การเงินที่ผู้หญิงมีอำนาจในการตัดสินใจที่จะใช้จ่ายเป็นไปเพื่อการสนับสนุนครอบครัวใหญ่ (ทั้งพ่อแม่ของตนและสามี) รวมถึงการเก็บหอมรอมริบเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว และที่สำคัญคือ การให้การศึกษาแก่ลูก มากกว่าจะหมดเปลืองไปกับสิ่งล่อตาล่อใจอื่นๆ


ศักดิ์ศรีของความเป็นหญิง

เนื่องจากความสำคัญของเงิน ส่งผลให้หลายครั้งผู้หญิงต้องเลือกระหว่างอำนาจของเงินกับความมีศักดิ์ศรีของตนเอง นิยายจำนวนมากสะท้อนให้เห็นว่าแม้ผู้หญิงจะใฝ่ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่าและการได้แต่งงานกับคนรวย แต่ผู้หญิงชนบทก็ยืนยันถึงการมีศักดิ์ศรีของตน โดยศักดิ์ศรีของผู้หญิงชนบทได้มาจากการทำงานและการมีชีวิตที่ไม่ต้องอาศัยหรือพึ่งพิงใคร ผู้หญิงยังมีการเน้นย้ำถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ไม่ให้คนที่สถานภาพสูงกว่ามาเหยียบย่ำได้ อาจกล่าวได้ว่าศักดิ์ศรีของผู้หญิงชั้นกลางอาจเกิดจากการเป็นผู้มีศีลธรรมและรักนวลสงวนตัว อันผูกติดอย่างมากกับบรรทัดฐานทางสังคมและการตัดสินของคนรอบข้าง ศักดิ์ศรีของความเป็นหญิงของผู้หญิงชนบทกลับเกิดจากการยืนหยัดด้วยตนเอง


รักแท้อาจไม่มีจริง

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต การโยกย้ายถิ่นฐาน การพบปะผู้คนหน้าใหม่ตลอดเวลา ทั้งหมดไม่อาจทำให้ผู้หญิงพบกับความมั่นคงทางจิตใจและความสัมพันธ์ที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ผู้หญิงชนบทไม่คาดหวังว่าตนเองจะเจอรักแท้แค่เพียงพบหน้าในครั้งแรก แต่ความรักที่ยืนยงมักจะมาหลังจากการต่อสู้ ฟันฝ่า การขวนขวายหาด้วยตนเอง ความรักแต่ละครั้งจึงเป็นการเรียนรู้และการทดลองมากกว่า การเกิดขึ้นของคอลัมน์แลกเปลี่ยนจดหมายในคู่สร้างคู่สมที่เป็นพื้นที่ให้กับการหาคู่ของคนหนุ่มสาวทั้งที่โสดและไม่โสด อย่าง คอลัมน์ “มิตรชายแดน” ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 2520 หรือ คอลัมน์หาคู่ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสะท้อนความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี ว่าคนชนบทจำนวนมากต้องการหาคู่ผ่านทางการมองหาคู่รักที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของตนมากกว่าการหารักแท้ เช่น ผู้ที่ทำงานเป็นข้าราชการมักจะนำเสนอว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง นักธุรกิจนำเสนอความร่ำรวยและรายได้ต่อเดือน หรือผู้หญิงสาว ผิวขาว และ “หมวย” อันเป็นคุณลักษณะยอดนิยมก็มักจะมีมาตรฐานของผู้ชายที่มองหาที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เป็นแม่ม่าย ที่มักจะต้องการหาผู้ชายที่ยอมรับลูกของตนได้ก็เพียงพอ เป็นต้น


การศึกษาคือเรื่องสำคัญในการไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ

มักจะเชื่อกันว่าผู้หญิงชนบทมักมีการศึกษาไม่สูงนัก อาจเป็นคำกล่าวที่จริง แต่การศึกษาไม่จำเป็นต้องเป็นการศึกษาในระบบเพียงอย่างเดียว ผู้หญิงชนบทไม่มีเงินและเวลามากขนาดนั้น การเรียนรู้คือผ่านการอ่านและประสบการณ์ ผู้หญิงชนบท/ชั้นล่างก็เป็นผู้อ่านไม่แพ้คนกลุ่มอื่น นิตยสารคู่สร้างคู่สมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนจากคอลัมน์ที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอสอดรับกับความต้องการของผู้อ่าน จากเรื่องของแรงงาน กฎหมายทั่วไปและกฎหมายที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ชีวิตในต่างประเทศ ชีวิตของ “เมียฝรั่ง” และที่สำคัญคือคอลัมน์ดำรงตอบจดหมายที่ผู้อ่านส่งมาถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ความเป็นไปของโลก ตลอดจนการจัดการความสัมพันธ์และการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการหาคู่ต่างประเทศ การจัดการกับมรดกของสามี การหย่าและการแต่งงาน และการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยในส่วนที่เกี่ยวกับชีวิตของตนเอง ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงกลุ่มนี้แสวงหาความรู้ให้กับตนเองอยู่เสมอและความรู้ที่พวกเธอต้องการคือความรู้ที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อที่จะเป็นอาวุธให้พวกเธอได้ฟาดฟันกับอุปสรรคทั้งหลายที่ต้องพบเจอในการใช้ชีวิต

สรุปรวมใจความ ชีวิตของผู้หญิงชนบทไทยพบกับความเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ทศวรรษ 2510 หรือประมาณ 50 ปีมาแล้ว พวกเธอพบเจอกับประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเดินเข้าสู่ชีวิตโรงงานที่ต้องเข้ากะเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานนับสิบชั่วโมง การเข้าสู่ธุรกิจทางเพศ ทำงานในอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว ตลอดจนการไขว่คว้าหาชีวิตที่ดีกว่าผ่านทางการแต่งงานกับชาวต่างประเทศ ผู้หญิงต้องเดินทางออกนอกบ้านเกิดย้ายเข้าสู่เมือง บางส่วนก้าวกระโดดโลดแล่นออกไปมีชีวิตยังต่างประเทศ แน่นอนว่าประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผู้หญิงชนบทพบกับการถูกหลอก ความล้มเหลว ชีวิตที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง การลองผิดลองถูก ไม่ง่ายที่จะมีชีวิตอย่างที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวและความผิดหวังหล่อหลอมให้ผู้หญิงกลุ่มนี้สถาปนาสิ่งหนึ่งขึ้น นั่นคือ “ศักดิ์ศรีของความเป็นหญิง” ชีวิตที่ไม่มั่นคงและการอยู่ไกลบ้านแทบจะตัดขาดกับครอบครัวและการช่วยเหลือของญาติมิตรส่งผลให้ผู้หญิงเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองและเชือมั่นในศักยภาพของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุภาษิตว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” คงจะเป็นข้อเตือนใจของผู้หญิงชนบทจำนวนมาก ในโลกที่เงินทวีความสำคัญมากขึ้นและมากขึ้น ผู้หญิงเรียนรู้ว่าการมีเงินคือการมีอำนาจ ด้วยพื้นฐานในข้อนี้เราจึงพบว่าผู้หญิงแสวงหาความรักที่มาพร้อมกับการเงิน เช่นเดียวกับการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อที่จะมีชีวิตที่มั่นคง ซึ่งชีวิตที่มั่นคงไม่ได้เป็นไปเพื่อตัวเองเท่านั้น หากยังรวมถึงชีวิตของคนที่อยู่ข้างหลังไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่และลูกของตนเอง หรือในบางครั้งก็รวมถึงสามีที่อยู่บ้านเป็นผู้เลี้ยงลูกเช่นกัน

ดังนั้น เมื่อจะกล่าวว่าผู้หญิงชนบทไทยไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิตมากไปกว่าการแต่งงานกับชาวต่างชาติเพื่อเงินและความสะดวกสบาย จึงอาจจะต้องย้อนถามกลับไปด้วยว่าสังคมแบบไหนที่ “ผลัก” ให้คนมีทางเลือกในชีวิตน้อยขนาดนี้ ชีวิตของผู้หญิงชนบทในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมาอาจแสดงให้เห็นศักยภาพของคนชนบทในการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นความล้มเหลวของรัฐไทยในการพัฒนาชนบทให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นกัน

ในการทำความเข้าใจพื้นฐานความคิดของผู้หญิงชนบท/ชั้นกลางระดับล่าง หากเข้าใจได้ว่าอะไรคือความคิดเกี่ยวกับ "ศักดิ์ศรีความเป็นหญิง" และเงื่อนไขในชีวิตของพวกเธอ จะเห็นได้ไม่ยากเลยว่ามันแตกต่างกับมาตรฐานของผู้หญิงชั้นกลางอย่างมาก การใช้ความคิดของชนชั้นกลางมาตัดสินผู้หญิงกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นและจะไม่มีวันทำให้เราเข้าใจคนชนบทได้เลย จะถึงเวลาหรือยังที่เราจะเลิกมองผู้หญิงไทยเป็นกลุ่มก้อนและใช้มาตรฐานเดียว และหันมาทำความเข้าใจผู้หญิงชนบท/ชั้นกลางระดับล่างในฐานะกลุ่มทางสังคมที่มีลักษณะเฉพาะตัว

 

ที่มาของภาพประกอบ: Flickr/Andrew Davies (CC BY-ND 2.0)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net