Skip to main content
sharethis

'มานพ คีรีภูวดล' ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ ส.ส.กลุ่มชาติพันธุ์ ตอบโต้บทความออนไลน์ของผู้ใช้นามแฝง 'เสืออากาศ 24/7' ชี้วิจารณ์โดยขาดความรู้-เต็มไปด้วยอคติ ระบุกรณีที่ดินทำกินคือปัญหาโครงสร้างกระทบคนทั่วประเทศกว่า 15 ล้านคน


มานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่

29 ธ.ค. 2562 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะ ส.ส.กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อกรณี บทความของผู้ใช้นาม 'เสืออากาศ 24/7' ซึ่งวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร นำมาโพสต์ในเพจส่วนตัว และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าดูถูกกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ว่าประเด็นที่อยากฝากถึงคือกรณีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งผู้เขียนบทความเข้าใจผิดไปมาก เพราะปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ทำกินนั้นไม่ได้เป็นเฉพาะพี่น้องชาติพันธุ์เท่านั้น นี่คือปัญหาเชิงโครงสร้าง พบเจอได้ทั้งประเทศ ทั่วทุกภาค จากตัวเลขพบว่ามีกว่า 15 ล้านคน ซึ่งนี่หมายถึงความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม การเข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆ ขาดโอกาสในการพัฒนา และยกระดับคุณภาพชีวิต และแน่นอนว่าพี่น้องชาติพันธุ์บนที่สูงคือกลุ่มคนแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบนี้

"การวิพากษ์วิจารณ์พี่น้องชาติพันธุ์ในบทความดังกล่าว นอกจากไม่เข้าใจ ขาดความรู้แล้ว ยังเต็มไปด้วยอคติ และมีมายาคติต่อพี่น้องชาติพันธุ์ และยังจะนำไปสู่การแบ่งแยกในหมู่พี่น้องประชาชนด้วย ทั้งๆ ที่ความเป็นไทยมาจากการรวมกันของผู้คนที่แตกต่างหลากหลาย พี่น้องชาติพันธุ์อยู่บนแผ่นดินนี้มาก่อนเป็นรัฐไทย ก่อนที่จะเป็นชาติไทยแน่ๆ" นายมานพกล่าว

นายมานพกล่าวอีกว่ากรณีที่ดินทำกิน โดยพื้นฐานแล้วเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ในความเป็นจริง มนุษย์จำเป็นต้องมีพื้นที่ดินทำกินเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ การพัฒนาเศรษฐกิจ การที่กล่าวหาว่าต้องยกที่ดินให้ ต้องให้อยู่ให้ใช้ ข้อเท็จจริงแล้วไม่มีหรอกการยกให้ เขาอยู่ของเขามาอยู่แล้ว เหมือนปัญหาไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ที่ดินเหล่านี้ไม่มีเอกสารสิทธิเพราะกฎหมายอุทยาน กฎหมายป่าสงวนไปทับลง กฎหมายบุกรุกคน หรือคนบุกรุกป่า คนอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา รัตนโกสินทร์ เท่าที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ ดังนั้นการที่นายพลทัพฟ้าได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานความรู้ที่ไม่มากพอ เป็นการใช้สถานการณ์ปีใหม่ม้งเพื่อหวังผลทางการเมือง ถือเป็นการกระทำที่ไม่หวังดีต่อประชาชนไม่หวังดีต่อประเทศชาติและไม่หวังดีต่อความเป็นพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน

'วาสนา นาน่วม' แจงคนไทยไม่เคยเหยียดคนชาติพันธุ์ 

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าจากกรณีที่ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารชื่อดัง เผยแพร่บทความ โดยอ้างว่าเขียนโดย “เสืออากาศ 24/7” ซึ่งวิพากษ์การลงพื้นที่ของ นายธนาธร ที่พบปะกับชาวม้ง พร้อมนำเสนอมุมมองที่ดูถูกเหยียดหยามกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง

อาทิ ม้ง สามารถเปลี่ยนสัญชาติเป็นสัญชาติไทยได้เมื่อผ่านกระบวนการทางด้านการบูรณาการสังคม (Integration) คือ ต้องเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมวิถีชีวิต/ศาสนา/ศิลปะของตนเองให้เป็นของไทยโดยสมบูรณ์ ม้ง ยังขาดปัญญาแห่งยุคสมัยที่ควรจะเป็นอยู่มาก (แม้ว่าอาจมีม้งบางคนจะมีมันสมองชั้นเลิศก็ตาม) อันเนื่องมาจากว่าขาดการศึกษาที่ดีมายาวนาน เป็นต้น

ทั้งนี้หลังบทความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้มาวิพากษ์วิจารณ์ ที่นำบทความมาเผยแพร่ ว่าไม่มีความเข้าใจวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งอย่างถ่องแท้ ทั้งยังมีมุมมองที่ดูถูกเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ เป็นอย่างมาก

ล่าสุด วาสนา นาน่วม ได้โพสต์ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว โดยได้อ้างอิง “เสืออากาศ 24/7” นายพลทัพฟ้า คอลัมนิสต์ ประจำเพจ ได้อ่านทุกความเห็น ที่มีต่อบทความ เรื่องปีใหม่ม้ง 2563 กับความเคลื่อนไหวของ “ธนาธร” แล้ว และขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

สิทธิมนุษยชนของมนุษย์และของชาติพันธุ์ คนไทยไม่เคยเหยียดคนชาติพันธุ์ เพียงแต่คนไทยต้องจัดระเบียบไทยในชาติและจะต้องจัดระเบียบคนชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินไทย ในแบบคู่ขนานไปด้วยเช่นกัน ชาติพันธ์ุใดต้องการใช้ชีวิตบนผืนแผ่นดินไทยสามารถกระทำได้

เพียงแต่คนชาติพันธ์ุจะต้องใช้ปัญญาเป็นเครื่องมือเข้ามาทำมาหากินเท่านั้น มิใช่ว่าหวังเข้ามาครอบครองที่ดินบนผืนแผ่นดินไทย คนไทยต้องรักษาสิทธิ์ที่ดินของคนไทยเราก่อน ตราบใดที่คนไทยยังเดือดร้อน เราต้องดูแลคนไทยเราก่อน ต้องดูแลคนไทยผู้ยากจน 63 ล้านคนก่อน

ก่อนที่เราจะไปดูแลคนอื่น ก่อนไปดูแลคนชาติพันธ์ุอื่นอีกหลายพันล้านคน ก่อนไปดูแลม้ง ก่อนไปดูแลโรฮินจา ก่อนไปดูแลแขกขาว อาหรับ ก่อนไปดูแลมุสลิม ก่อนไปดูแลนิโกร นับพันล้านคน คนไทยคนใดต้องการดูแลคนชาติพันธ์ุ คนไทยคนนั้นจะต้องนำเอาที่ดินส่วนตัว (หรือสมบัติส่วนตัว) ของตัวเองไปมอบให้กับคนชาติพันธ์ุ มิใช่ว่าคิดจะนำเอาที่ดิน ป่าเขาของชาติอันเป็นทรัพย์สมบัติส่วนกลางของคนไทยทั้งชาติไปมอบให้กับคนชาติพันธ์ุหลายพันล้านคนทั่วโลกเหล่านั้น ที่ดินในประเทศไทยไม่มีทางเพียงพอ

เราคนไทยไม่ได้เหยียดคนชาติพันธ์ุ ทว่าคนไทยเราอย่านำเอาที่ดินป่าเขาของคนไทยทุกคนไปให้กับคนชาติพันธ์ุอีกจำนวนหลายพันล้านคนทั่วโลกให้ได้รับสิทธิ์ครอบครองที่ดินบนผืนแผ่นดินไทยเลย เราสมควรจะต้องดูแลคนไทย (ผู้ยากจน) เราก่อนจะดีกว่าไหม?

มีชนชาติอื่นใดบ้าง : จีน สหรัฐ ยุโรป..ที่ยอมยกป่าเขาฟรี/ยอมมอบที่ดินฟรีเป็นสิทธิ์ครอบครองให้กับชาวต่างชาติผู้เข้าไปหากินในประเทศของเขา ยกป่าเขาฟรี/มอบที่ดินฟรีให้กับม้งแล้วกลุ่มอื่นๆ ก็รออยู่ คนชาติพันธ์ุอีกหลายพันล้านคนกำลังรอคอย มิฉะนั้นมันจะไม่เกิดความเป็นธรรม มิฉะนั้น มันจะเกิดความเหลื่อมล้ำหลายมาตรฐาน!

โฆษกรัฐบาลย้ำดูแลทุกคนในแผ่นดินไทย ขออย่าจุดประเด็นชาติพันธุ์สร้างความขัดแย้ง

ด้าน ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำให้ความมั่นใจรัฐบาลดูแลคนไทยและทุกชาติพันธุ์ที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอร้องอย่านำประเด็นชาติพันธุ์มาสร้างความสั่นคลอนต่อความรักสามัคคีของคนในชาติ เชื่อมั่นว่าทุกคนบนแผ่นดินไทยต่างมีความรักประเทศไทย และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยรัฐบาลยืนยันดูแลทุกกลุ่มทุกชาติพันธุ์ตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม

ทั้งนี้ ชาติพันธุ์ม้งที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูง เช่น ชาวเขาเผ่าต่างๆ ไทยใหญ่ จีนฮ่อ ไทยลื้อ และกลุ่มอื่นๆ ที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะและสิทธิ โดยมีมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องหลายมติ ได้แก่

1. มติ ครม. วันที่ 7 ธ.ค. 2553 กำหนดให้ชนกลุ่มน้อยที่ราชการได้จัดทำทะเบียนประวัติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย ให้สถานะเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ให้ขอใบสำคัญถิ่นที่อยู่) และถ้าจะขอมีสัญชาติไทย ให้ขอแปลงสัญชาติ

2. มติ ครม. วันที่ 7 ธ.ค. 2559 กำหนดให้บุตรของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในประเทศไทยสามารถขอมีสัญชาติไทยได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ โดย รมว.มท.มอบอำนาจให้นายอำเภอเป็นผู้อนุมัติ กรณีผู้ขอสัญชาติอายุไม่เกิน 18 ปี และให้ ผวจ.เป็นผู้อนุมัติกรณีผู้ขอสัญชาติอายุเกิน 18 ปี

3. มติ ครม. วันที่ 5 ก.ค. 2548 กำหนดให้เด็กทุกคนทั้งไทยและต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารทะเบียน สามารถเข้าเรียนหนังสือในระดับการศึกษาภาคบังคับได้ทุกรายโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี

4. มติ ครม. วันที่ 23 มี.ค. 2553 และ 20 เม.ย. 2558 อนุมัติให้สิทธิการรักษาพยาบาลแก่ชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐสำรวจจัดทำทะเบียนไว้ทุกคนโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทยแล้วจำนวนประมาณ 2.58 แสนคน

โฆษกฯได้กล่าวย้ำด้วยว่า “ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้มีความสุข ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว ขออย่าได้จุดประเด็นความขัดแย้งให้เกิดความขัดข้องหมองใจ และในช่วงเทศกาลนี้ รัฐบาลพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนให้เดินทางกลับบ้านเยี่ยมครอบครัวโดยสวัสดิภาพ และสั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือประชาชนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net