Skip to main content
sharethis

สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปตำรวจและการสอบสวนแก้ปัญหาอุบัติเหตุและความตายบนถนน เสนอแก้ไขกฎหมายให้ 'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' กลับมาเป็นส่วนราชการสังกัด 'กระทรวงมหาดไทย' เช่นเดิม 


ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

4 ม.ค. 2563 สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ออกแถลงการณ์ 'ขอให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปตำรวจและการสอบสวนแก้ปัญหาอุบัติเหตุและความตายบนถนน' ระบุว่าตามที่รัฐบาลทุกยุคสมัยได้กำหนดนโยบายในการป้องกันอุบัติเหตุจราจรที่ทำให้ประชาชนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติล้มตายในแต่ละปีมากมายถึง 22,000 คน และบาดเจ็บทุพลภาพอีกนับแสน โดยเฉพาะในเทศกาลต่างๆ ช่วง ๗ วันอันตราย ที่กำหนดให้มีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่องกว่าสิบห้าปี

แต่ในข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ไทยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้คนถึงแก่ความตายจากอุบัติเหตุจราจรสูงอันดับหนึ่งของโลกตลอดมา สาเหตุหลักของอุบัติเหตุซึ่งหน่วยงานรับผิดชอบแถลงอยู่ทุกปีก็คือ การมีพฤติกรรมเมาแล้วขับ การใช้ความเร็วเกินกำหนดและฝ่าฝืนกฎจราจร  ทั้งๆที่ตำรวจได้มีการตั้งด่านตามถนนหนทางต่างๆ โดยอ้างว่าเพื่อสกัดคนเมาและผู้ขับรถเร็วอยู่มากมาย สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเห็นว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้การแก้ปัญหาไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงก็คือ

1.การขาดความเป็นเอกภาพในการบังคับบัญชาของหัวหน้าผู้รับผิดชอบงานป้องกันอุบัติเหตุทั้งระดับ ชาติและระดับจังหวัด 2. ปัญหาการสอบสวนที่ไม่ประสิทธิภาพหรือมีการทุจริตล้มคดีเนื่องจากขาดการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสิ้นเชิงปัญหาการขาดความเป็นเอกภาพในการบังคับบัญชาก็เช่น มีการแต่งตั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับชาติ และระดับจังหวัดก็ให้ผู้ว่าราชการเป็นผู้รับผิดชอบ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจควบคุมสั่งการ ผบ.ตร. และผู้ว่าฯก็ไม่มีอำนาจสั่งการควบคุมผบก.ตำรวจจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานรักษากฎหมายที่สำคัญที่สุดให้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐได้

จะเห็นได้ว่าการประชุมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวที่กระทรวงมหาดไทยทุกครั้งผบ.ตร.ก็ไม่ได้เข้าประชุมด้วยตนเอง และผู้บังคับการตำรวจส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เข้าประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยที่ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ แทบทุกเรื่องไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาบ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายที่จำหน่ายสุราให้เด็กและเยาวชนทั้งหญิงชายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องออกไปตรวจจับแทนตำรวจที่รับส่วยสินบนจากผู้ประกอบการซึ่งประชาชนต่างก็ทราบกันดีทั่วไป สำหรับการตรวจจับหรือแม้กระทั่งการตั้งด่านตรวจที่มีอยู่ทั่วประเทศมากมาย  ก็ไม่มี
หลักประกันเรื่องความสุจริตในการปฏิบัติ หลายกรณีคนมีเงินหรือมีอำนาจที่กระทำผิดกฎหมายจราจรไม่ว่าจะเมาแล้วขับหรือฝ่าฝืนกฎหมายสามารถพูดคุยกับตำรวจไม่ให้จับกุมดำเนินคดีตนเองเหมือนประชาชนคนยากจนทั่วไปได้

จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรและความตายบนถนนของประชาชนด้วยการ 'ปฏิรูปตำรวจและการสอบสวน' ดังนี้ 1.แก้ไขกฎหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย เช่นเดิม เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการผู้รับผิดชอบงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน มีอำนาจควบคุมบังคับบัญชาผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติให้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาเหมือนประเทศที่้จริญทั่วโลก แทนการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีซึ่งมีภารกิจมากหลายด้าน และขาดองค์กรรองรับในการตรวจสอบควบคุมสั่งการและประเมินผลการปฏิบัติ 2.ให้กองบังคับการตำรวจจังหวัดเป็นราชการส่วนภูมิภาค อยู่ภายใต้การควบคุม สั่งการตรวจสอบและประเมินผลของผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับการลงไปในจังหวัดทุกตำแหน่งด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัด หรือ กต.ตร.จังหวัด โดยแต่งตั้งตัวแทนภาคประชาชนร่วมเป็นกรรมการเพิ่มเติม  เพื่อให้ ผบก.ตำรวจจังหวัดและหัวหน้าสถานีทุกแห่งปฏิบัติงานตามคำสั่งและนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้รับผิดชอบงานทั้งปวงของจังหวัดรวมทั้งปัญหาอุบัติเหตุจราจรด้วย

และ 3.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้อัยการมีอำนาจตรวจที่เกิดเหตุและเข้าตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีที่มีโทษจำคุกสิบปีขึ้นไป รวมทั้งคดีสำคัญที่ประชาชนสนใจหรือเมื่อมีการร้องเรียนตั้งแต่เกิดเหตุ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ในมือของตำรวจแต่เพียงหน่วยเดียว ซึ่งง่ายต่อการสอบสวนล้มคดีช่วยผู้กระทำผิดและทุจริต ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนมีเงินและมีอำนาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายทั้งความผิดอาญาและ เช่น คดีขับรถประมาทชนคนบาดเจ็บหรือตายที่หลายคดีไม่ได้มีการทดสอบความเมา หรือสอบสวนส่งพนักงานอัยการสั่งคดี รวมทั้งการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานเสนอให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net