หมอเหรียญทอง ไม่รับคนมีอุดมการณ์เป็นปฎิปักษ์กับตัวเองเข้าทำงาน ลั่นจะตรวจเช็คเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ผู้สมัครงาน และคู่ค้ากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ย้ำส้มเน่า-ควายแดง ย้ายสิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทองออกไปได้ และไม่ต้องบริจาคเลือดให้โรงพยาบาลอีก

14 ม.ค. 2563 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนายการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า จากนี้เป็นต้นไป ผู้สมัครงาน รพ.มงกุฎวัฒนะ จะต้องแสดงข้อมูลส่วนตัว เช่น เฟสบุ๊ค-ทวิตเตอร์ และข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในสังคมออนไลน์ประกอบการสมัครงาน โดยจะไม่รับบุคลากรใหม่ที่มีอุดมการณ์เป็นปฎิปักษ์กับตน ตนจะไม่ให้มีพวกกาฝากแอบเกาะ รพ.มงกุฎวัฒนะ กินบนเรือน ขี้บนหลังคาอีกต่อไป

เขายังระบุอีกว่า พนักงานขายจากบริษัทคู่ค้าต่างๆ กับ รพ.มงกุฎวัฒนะ และ บริษัท วิไลศิริ จำกัด ขอให้ส่งข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในสังคมออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ที่หัวหน้าแผนกจัดซื้อด้วย โดยตนจะไม่สนับสนุนการซื้อสินค้า การว่าจ้าง ฯลฯ กับบริษัทคู่ค้าที่มีพนักงานขายหรือผู้แทนที่เป็นปฏิปักษ์กับตน

นอกจากนี้เขายังระบุอีก รพ. มงกุฎวัฒนะโดนต่อต้านจากกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์เป็นปฏิปักษ์กับตน มาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว ผลปรากฎว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ เตียงเต็มและต้องขยายกิจการจากปี 2556 ที่มีอยู่แค่ 100 เตียง กลายเป็น 300 เตียงในชั่วระยะเวลาเพียงปีเดียว ทั้งยังต้องซื้อที่ดินขยายจากเดิม 4 ไร่เป็น 9 ไร่ในชั่วระยะเวลา 2 ปี และยังต้องสร้างตึกใหม่จากเดิม 24,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 75,000 ตารางเมตร หลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินที่มีกับธนาคารกรุงไทย มีผลประกอบการกำไรเพิ่มขึ้นจนสามารถล้างขาดทุนสะสมจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 25440 กลายเป็นกำไรสะสมโดยไม่ต้องลดทุนจดทะเบียนแม้แต่สตางค์แดงเดียว และไม่ถูกเทคโอเวอร์

เขา ได้ท้าทายกลุ่มส้มเน่า และควายแดง ซึ่งมีอุดมการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเขาว่า หากมีสิทธิประกันสังคม หรือสิทธิหลักประกันสุชภาพแห่งชาติ ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ให้ย้ายสิทธิออกไปใช้ที่อื่น เพื่อจะได้มีที่ว่างให้คนดีๆ มาลงทะเบียนแทน และบริษัทที่เป็นคู่ค้า หากเป็นพวกส้มเน่า และควายแดง ก็ไม่ต้องมาค้าขายกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ รวมทั้งไม่ต้องบริจาคเลือกให้กับโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2561 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ประกาศไล่ออก พนักงานเปล รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยอ้างว่า พนักงานคนดังกล่าว ฉีกธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ ถือเป็นการกระทำอันไม่บังควรยิ่ง ทั้งยังไม่ให้ตรวจโทรศัพท์มือถือเพื่อพิสูจน์การแสดงความคิด ถือเป็นการกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงที่มีโทษให้ไล่ออกโดยไม่มีการชดเชยเงินเลิกจ้าง