ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยเจ้าหน้าที่ปอท. เรียกเหยื่อล่าแม่มดเข้าให้ถ้อยคำ ปมโพสต์ภาพมุมกล้อง' ถูกกล่าวหาไม่เหมาะสมต่อภาพ ร.9 ในการชุมนุมสกายวอร์ค 'ไม่ถอยไม่ทน'
15 ม.ค.2563 จากกรณีมีการเผยแพร่ภาพมุมหนึ่งของการชุมนุมแฟลชม็อบ "ส่งเสียงประชาชน" ไม่ถอยไม่ทน บริเวณสกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพดังกล่าวเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมชูป้ายประท้วงเผด็จการ (ข้อความ "FUCK U Dictatorship") ในจังหวะที่มุมกล้องไกลออกไปปรากฏตึกหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ ที่มีภาพรัชกาลที่ 9 ขนาดใหญ่ติดอยู่ด้วย ต่อมามีผู้แสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนชื่นชอบภาพนี้ ทำให้มีผู้ไม่พอใจบันทึกทั้งภาพและข้อความที่มีการแสดงความเห็นนั้น ไปโพสต์ต่อ พร้อมนำเอาชื่อจริง นามสกุล ข้อมูลการศึกษาและสถานที่ทำงานของบุคคลอย่างน้อย 3 คนไปเสียบประจานทั้งในเฟสบุ๊คบุคคลสำคัญอย่าง พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคลหรือสำนักข่าวอย่าง เพจ TNEWS - การเมือง เป็นต้น นั้น
ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.63) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วานนี้ (14 ม.ค.63) หนึ่งในผู้ที่ถูกเสียบประจานจากการโพสต์ภาพดังกล่าวได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) หลังจากที่ได้รับหนังสือเชิญมาให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 18 (1)
ระหว่างการให้ถ้อยคำ เจ้าหน้าที่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมหรือไม่และได้ร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ เป็นเจ้าของเฟซบุ๊คและเป็นผู้โพสต์ภาพหรือไม่ โดยสอบถามว่ามีการตัดต่อภาพหรือไม่ และมีเจตนาในการโพสต์ภาพอย่างไร มีเจตนาสื่อต่อสถาบันหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบถามด้วยว่าได้ลบบัญชีเฟซบุ๊คและลบโพสต์แล้วหรือไม่ โดยขอให้เปิดมือถือให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูด้วย อย่างไรก็ตาม ทางผู้ให้ถ้อยคำได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แต่ไม่ได้เปิดมือถือให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูเนื่องจากมีข้อมูลส่วนตัวด้วย
ศูนย์ทนายความฯ ระบุต่อว่า ผู้ให้ถ้อยคำได้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ด้วยว่าได้เข้าพบเพื่อให้ถ้อยคำเนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาพาดพิงสถาบัน แต่เจตนาสื่อถึงผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น ภายหลังการให้ถ้อยคำเจ้าหน้าที่ได้ให้ลงชื่อในบันทึกในเอกสาร ซึ่งเป็นเอกสาร “ลับ” โดยระหว่างการให้ถ้อยคำมีทนายความและเพื่อนอยู่ร่วมในการให้ถ้อยคำด้วยโดยตลอด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสืบสวน ยังไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด การให้ถ้อยคำนี้ยังไม่ใช่การให้ถ้อยคำในฐานะผู้ต้องหาหรือพยาน แต่เป็นการรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอีกหรือไม่ บันทึกถ้อยคำดังกล่าวอาจนำมาใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ ขั้นตอนเช่นนี้อาจเป็นกระบวนการที่กระทบต่อสิทธิการต่อสู้คดีอาญา