เมื่อไม่กี่วันมานี้มีโพสต์สั้นๆ บนเฟสบุ๊คของอาจารย์สาขาวิชาเคมีท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร เกี่ยวกับการเสนอประมวลรายวิชาเพื่อขอเปิดสอนวิชานั้นเป็นวิชาศึกษาทั่วไปสำหรับนักศึกษาชั้นปริญญาตรีชื่อ รายวิชารักชาติยิ่งชีพ (My Beloved Country) และได้เผยแพร่เอกสารระบุรายละเอียดเกี่ยวกับรายวิชานั้นอย่างเปิดเผยให้สาธารณชนได้ศึกษาด้วย
โพสต์นี้ได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อยทั้งๆ ที่มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงจุดยืนของรายวิชาอย่างชัดเจนว่าจะเน้นผู้บรรยาย “สายอนุรักษ์นิยม” และมีประเด็นการบรรยายที่เน้นอุดมการณ์รักชาติในแนวทางอนุรักษ์นิยมอย่างชัดเจน
เนื้อหาของรายวิชานี้จะมีความเป็นวิชาการหรือไร้สาระในสายตาของผู้เชี่ยวชาญทางสังคมศาสตร์นั้นสุดวิสัยที่ผมจะประเมินได้ เพราะผมเองก็ไม่เชี่ยวชาญเหมือนกัน แต่หวังว่าจะมีนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ท่านใดท่านหนึ่งสละเวลามาประเมินเนื้อหาของรายวิชานี้ ถ้าหากมันถูกอนุมัติให้ใช้ในการเรียนการสอนได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมได้อ่านคำอธิบายรายวิชานี้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผมพบว่ามันเป็นการนำเอาคำศัพท์ร่วมสมัยที่นิยมใช้กันในหมู่คนไทยผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม คำศัพท์แต่ละคำไม่ได้ใหม่มากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อเห็นมันปรากฏพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม ผมกลับรู้สึกว่าลักษณะการปรากฏร่วมกันของมันมีความน่าสนใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ‘ชาติและความรักชาติ’ (nation and patriotism) ซึ่งผมรู้สึกคุ้นน้อยกว่า ‘ชาติและชาตินิยม’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาอังกฤษ เราแทบจะไม่พบว่า nation และ patriotism ปรากฏร่วมกันเลย แต่มักจะพบ nations and nationalism มากกว่า (ตรวจสอบการปรากฏร่วมของคำในภาษาอังกฤษได้จากคลังข้อมูลภาษาออนไลน์)
ผมก็เลยลองเอาคำอธิบายรายวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษของรายวิชา ‘รักชาติยิ่งชีพ’ ที่มีความหมายขนานกันมาประกบคู่กันแบบวลีต่อวลี (Parallel Text Alignment) ซึ่งในชั้นแรกก็จะทำให้เราเห็นการขนานกันของความหมายที่ไม่พอดีกัน ซึ่งก็เป็นปกติของการแปลข้ามภาษา แต่เราก็อาจจะพบว่าแม้มีคำที่พอดีกันมากกว่าแต่ก็อาจไม่ถูกนำมาใช้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอีกเหมือนกันในการแปล แม้จะพบน้อยกว่ามากในการเขียนคำอธิบายรายวิชาเป็นภาษาไทย-อังกฤษที่มีขนบบังคับให้เลือกใช้คำและโครงสร้างไวยากรณ์ที่ตรงกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ชาติ – nation / ประเทศ – country / รัฐ – state / รัฐบาล – government เป็นต้น
การใช้คำภาษาไทย-อังกฤษไม่ตรงกันยังไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจมากนัก แม้มันจะสะท้อนว่าผู้ร่างประมวลรายวิชานี้คงไม่เชี่ยวชาญในสาขาวิชาสังคมศาสตร์เท่าที่ควร
รักชาติยิ่งชีพ |
My Beloved Country |
ชาติและความรักชาติ |
Nation and patriotism |
บทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ |
roles and significance of monarchy |
ศาสนาประจำชาติและความเสี่ยงจากผู้บ่อนทำลาย |
national religion and the risks |
เผด็จการประชาธิปไตยและทางรอดของชาติ |
authoritarian democracy and survival of the nation |
ความสำคัญของการเกณฑ์ทหารและแสงยานุภาพกองทัพ |
significance of military conscription and the power of armed force |
ความสำคัญของการรัฐประหารต่อการปราบปรามคอรัปชั่นและปกป้องสถาบัน |
coup d’état anti corruption and protection of the monarch |
ภัยคุกคามจากแนวคิดเชิงสังคมนิยมซ้ายจัด |
threat from the leftist and socialist |
สื่อสังคมออนไลน์และอันตรายจากข่าวลวง |
fake news and the danger of social media |
ระบอบการศึกษาและความจำเป็นของระบอบอำนาจนิยม |
education and necessity of authoritarianism |
การแบ่งแยกดินแดนและบ่อนทำลายโดยคนชายขอบ |
threat from separatists and minority |
ลัทธิชังชาติและกลยุทธ์การรับมือ |
anti-patriotism and how to fight it |
วุฒิสมาชิกแต่งตั้งเหมาะกับประเทศไทยอย่างไร |
why Thailand needs military-appointed senate |
องค์กรอิสระและตุลาการวิวัฒน์ผู้ปิดทองหลังพระ |
constitutional court election commission |
ทุนนิยมสามานย์ |
evil capitalism |
คนรุ่นใหม่กับการพิทักษ์ความเป็นไทย |
next generation patriotism |
สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าก็คือคำศัพท์ทางการเมืองของอนุรักษ์นิยมไทยนั้นมีลักษณะจำเพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาในบริบทของภาษาวิชาการที่ยึดโยงกับภาษาอังกฤษ กล่าวคือเป็นการใช้ศัพท์ทางการเมืองที่ถูกสร้างขึ้นในโลกวิชาการภาษาอังกฤษในความหมายที่แตกต่างออกไป วิธีตรวจสอบง่ายๆ ก็คือเราแทบจะไม่พบว่าคำศัพท์ต้นฉบับนั้นแทบจะไม่มีการนำมาใช้ร่วมกันในบริบทของภาษาอังกฤษดั้งเดิม แต่เป็นแบบที่คนไทยประกอบศัพท์กันขึ้นมาเอง
ตัวอย่างชัดๆ ก็เช่น ‘เผด็จการประชาธิปไตย’ (authoritarian democracy) หรือ ‘ทุนนิยมสามานย์’ (evil capitalism) ซึ่งกรณีแรกเป็นการเอาคำที่มีความหมายตรงข้ามกันมาประกอบเข้าด้วยกันทำให้เกิดความหมายที่เป็นไปไม่ได้ (คล้ายๆ กับการเอาคำว่าสี่เหลี่ยมมาขยายคำว่าวงกลมเป็น square circle ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมีได้) และกรณีที่สองเป็นการใช้คำขยายที่แปลกประหลาด เพราะในภาษาอังกฤษเรามักจะเจอการขยาย คำแบบ ‘ทุนนิยมเสรี’ (laissez-faire capitalism) หรือ ‘ทุนนิยมโดยรัฐ’ (state capitalism) แต่ไม่ค่อยพบว่ามีทุนนิยมชนิดที่สามานย์หรือไม่สามานย์แบบที่ใช้กันในภาษาไทย ที่ใกล้เคียงแต่ความหมายแตกต่างออกไปก็คือวลี the evils of capitalism ซึ่งหมายถึงความชั่วร้ายของระบบทุนนิยมโดยทั่วไป ไม่ได้แปลว่ามีทุนนิยมชนิดสามานย์และชนิดไม่สามานย์
ตัวอย่างที่ชัดเจนน้อยกว่าแต่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย คือมุมมองของอนุรักษ์นิยมที่มีต่อสถาบันทางสังคมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ได้ว่าขัดแย้งกับกับอุดมการณ์เสรีนิยมแบบตรงไปตรงมาก เช่น แนวคิดศาสนาประจำชาติ (national religion) เพราะนักเสรีนิยมย่อมเห็นว่าศาสนาเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลรัฐไม่ต้องยุ่ง ระบอบการศึกษาและระบอบอำนาจนิยม (education and authoritarianism) เพราะนักเสรีนิยมย่อมมองว่าการศึกษาคือการปลดมนุษย์ออกจาพันธนาการของอำนาจ
ยังไม่ต้องกล่าวถึงการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษแบบตามใจตัวเองเพื่อแปลคำศัพท์ใหม่ในภาษาไทยที่นักอนุรักษ์นิยมสร้างขึ้น เช่น anti-patriotism (นักอนุรักษ์นิยมไทยแปลเสียใหม่ว่า ‘ลัทธิชังชาติ’) ซึ่งในความหมายดั้งเดิมหมายถึงแนวคิดของการเป็นพลเมืองโลก หรือการมองว่าโลกเป็นชุมชนหนึ่งเดียวที่มีมนุษย์เป็นสมาชิกของชุมชน ผู้มีสมาทานแนวคิดนี้มองว่าการรักประเทศชาติแบบไม่มีเงื่อนไขนั้นเป็นสิ่งที่ผิด ยกตัวอย่างเช่น การร่วมทำสงครามในนามของประเทศชาติแม้ว่าเหตุผลของการทำสงครามจะปราศจากความถูกต้องเป็นสิ่งที่ปัจเจกบุคคลผู้มีสำนึกทางคุณธรรมไม่สมควรที่จะกระทำ
ดังนั้น เราจึงพบว่าในอดีตและปัจจุบันมีผู้ประท้วงคัดค้านสงครามหรือปฏิเสธที่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเพื่อทำการรบ แม้ว่าตนเองจะต้องถูกลงโทษจำคุกเนื่องจากการปฏิเสธการเกณฑ์ทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม เช่น นักมวยแชมป์โลกชาวอเมริกัน มูฮัมหมัด อาลี (=แคสเซียส เคลย์) ปฏิเสธการเกณฑ์ทหารเพื่อไปรบในสงครามเวียดนามเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง (conscientious objector) การปฏิเสธการกระทำตามการบังคับของรัฐในนามของความรักชาติในกรณีนี้จึงไม่ได้เกิดจากความเกลียดชังประเทศต้นกำเนิด แต่มาจากสำนึกทางศีลธรรมที่แตกต่างออกไป
คำศัพท์พิลึกกึกกือของอนุรักษ์นิยมไทยที่พบในคำอธิบายรายวิชาข้างต้นยังมีอีกหลายคำเช่น การรัฐประหารเพื่อปราบปรามคอรัปชั่นและปกป้องสถาบัน การแบ่งแยกดินแดนและบ่อนทำลายโดยคนชายขอบ เป็นต้น ซึ่งที่เหลือผมคิดว่าคงอยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะพิจารณาจากข้อมูลได้เอง
โดยสรุปก็คือ อนุรักษ์นิยมไทยพยายามนำเสนอว่าระบอบการเมืองการปกครองของไทยจะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ต้องตามก้นประเทศต้นกำเนิดของแนวคิดทางการเมืองการปกครองที่คนไทยจะเลือกหยิบเอามาใช้ จะใช้ยังไงก็ได้ขอให้เราคงความเป็นไทยเอาไว้
For our beloved country