Skip to main content
sharethis

หมอเหรียญทอง แน่นหนา ท้าให้แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรม จากการประกาศว่า จะไม่รับคนมีอุดมการณ์เป็นปฏิปักษ์เข้าทำงาน จะตรวจเช็กเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ผู้สมัครงานและคู่ค้า กระทั่งท้าทายให้ “ส้มเน่า-ควายแดง” ย้ายสิทธิประกันสังคมและบัตรทองออกจาก ร.พ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อจะได้มีที่ว่างให้ “คนดี” เข้ารับบริการแทน

ว่าตามลายลักษณ์อักษร ก็คงเอาผิดหมอเหรียญทองได้ยาก เพราะท่านไม่เคยโพสต์ว่า จะไม่รับรักษา “ส้มเน่า-ควายแดง” แถมคำท้าทายให้ย้ายสิทธิประกันสังคมบัตรทอง ก็มาจากการตอบโต้กับคนอีกฝ่าย จนท่านเดือดว่าถ้าไม่พอใจเชิญย้ายเลย ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่ย้าย ท่านก็ยังรักษาให้

กระนั้นหากคิดในมุมกลับ ถามว่า “ส้มเน่า-ควายแดง” จะยังอุ่นใจอยู่ไหม ในการใช้สิทธิรักษาพยาบาล ในเมื่อท่านผู้อำนวยการ โพสต์ว่าพวกคุณไม่ใช่ “คนดี”

การที่ยังรับรักษา แต่แยกว่าพวกหนึ่งเป็น “คนดี” (ก็คืออีกพวกไม่ดี) จะมีหลักประกันอย่างไร ว่าให้การรักษาโดยเท่าเทียม สมมติมีเครื่องช่วยหายใจว่างอยู่เครื่องเดียว แล้วมีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามาสองคน คนหนึ่งใส่เสื้อพลังประชารัฐ อีกคนใส่เสื้อสามเหลี่ยวหัวกลับ จะเลือกใคร

มันไม่ง่ายเหมือนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว เชิญติดประกาศได้ “ส้มเน่า-ควายแดง” ห้ามเข้า แต่ก็ไม่ยักมีร้านไหนกล้าทำอย่างนั้น ตรงกันข้าม ร้านที่เคยประดับนกหวีด ยังต้องปลดลง

โรงพยาบาลเป็นบริการสาธารณะ แม้เป็น ร.พ.เอกชน ไม่เพียงรับสิทธิบัตรทองบัตรประกันสังคม ยังต้องรับผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งเลือกที่ประสบเหตุไม่ได้ สมมติ ส.ส.เพื่อไทยไปรถคว่ำถนนแจ้งวัฒนะ ต้องนำส่ง ร.พ.หมอเหรียญทอง จะวางใจได้ไหม

ซ้ำร้าย ยังไม่ใช่ตัวท่านคนเดียว เพราะเมื่อท่านประกาศไม่รับคนเห็นต่างเข้าทำงาน ผู้ป่วย “ส้มเน่า-ควายแดง” ย่อมกังวลว่า บุคลากรใน ร.พ.ท่าน แพทย์ พยาบาล จะมีแต่พวกเป่าปี๊ดๆ เกลียดคนเห็นต่างขึ้นสมอง ทั้งที่โดยจรรยาบรรณต้องเปี่ยมความเมตตา

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ปรักปรำหมอเหรียญทองใจดำอำมหิต บุคลากรของท่านมีแต่พวกคลุ้มคลั่ง ถ้าธนาธร ปิยบุตร ช่อ ไปประสบอุบัติเหตุแถวนั้น ตายแหง! เพราะเอาเข้าจริง พอจับมีดผ่าตัด ท่านอาจยังมีจรรยาบรรณก็ได้

แต่คำประกาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์เกลียดชัง ย่อมทำให้หวาดผวา ผู้ใช้สิทธิบัตรทองประกันสังคมไม่มั่นใจ โดยคนเหล่านี้ย้ายสิทธิได้ไม่ง่าย เพราะ ร.พ.ใกล้บ้านสะดวกกว่า สุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องรักษาทั้งที่กังวล

นี่คือผลของความเกลียดชังทางการเมืองที่กระทบสิทธิของประชาชนอย่างไม่มีทางแก้ เพราะถ้า สปสช.ประกันสังคม ยกเลิกสัญญา ก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก

ขณะเดียวกันก็เป็นภาพสะท้อนที่น่าเศร้า ของความเกลียดชังทางการเมือง มองคนความคิดตรงข้ามเป็นพวก “เน่า-ควาย” ความคิดเหมือนกันเป็น “คนดี”

ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป เพราะท่ามกลางความแตกแยกในสังคมไทย ที่คนสองฝ่ายเกลียดชังกัน ปะทะทางความคิดอย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ ในชีวิตจริง คุณอาจเป็นญาติมิตร เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่ทำงานร่วมกันได้

คือมันก็มีอยู่ไม่น้อย ที่เพื่อนสนิทมิตรสหายเลิกคบกันเพราะเป็น “ควายแดง-ส้มเน่า” หรือ “สลิ่ม” แล้วเถียงกันเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่ใช่ความเห็นต่างทางการเมืองอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่น เช่นความใจกว้างใจแคบ ความมีมิตรจิตรมิตรใจ กรณีเพื่อนร่วมงาน ยังมีเรื่องความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม ไม่คิดเล็กคิดน้อย พูดง่ายๆ ถ้ากินแรงกัน ทำงานเอาหน้า ต่อให้เป็นแดงส้มหรือสลิ่มเหมือนกัน ก็อยู่ร่วมกันไม่ได้

ในองค์กรรัฐ หน่วยงาน บริษัท จึงไม่สามารถเอาความเห็นต่างทางการเมืองมาตัดสินคน ยกเว้นเป็นองค์กรทางการเมือง พอคุณเป็นโรงพยาบาล ทำงานบริการสาธารณะ จึงมีปัญหาไม่จบสิ้น

แน่ละ ในความเป็นจริง ไม่ปฏิเสธหรอกว่า ความแตกแยกทางการเมืองยาวนาน 14 ปี ทำให้คนสองฝ่ายเกลียดกัน แต่พื้นฐานที่มาของความเกลียดแตกต่างกัน

ฝ่ายหนึ่งอ้างความดี เกลียดคนเห็นต่าง จนทำได้ทุกอย่าง แบบ กปปส.ปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง ตั้งหัวกรวยไม่ให้ใครผ่านทาง หรือย้อนภาพไปครั้ง 6 ตุลา “เก้าอี้ฟาด” (เมื่อวันอาทิตย์ก็ยังฟาดส้มเน่ากันอยู่)

ขณะที่คนอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เกลียดชังพวกพี่คนดีย์ ที่สนับสนุนรัฐประหาร ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ จับกุมดำเนินคดีผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมาก

ความเกลียดชังนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่วัดกันที่ใครปลุกความเกลียดชังจนล้ำเส้น ละเมิดสิทธิ บดบังความเป็นมนุษย์ ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว คุณจะยังยกตนเป็นคนปกป้องคุณงามความดีหรือคนที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิเสรีได้อย่างไร

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net