Skip to main content
sharethis

ทางการจีนระบุว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อได้จากคนสู่คน นอกจากนี้มีผู้ป่วยมากกว่า 200 รายแล้ว ในจำนวนนี้ 170 รายรับการรักษาที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการระบาด มีผู้ป่วยอาการน่าเป็นห่วง 9 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ขณะที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังและตั้งจุดคัดกรองสนามบิน 5 แห่งที่มีเที่ยวบินตรงไปเมืองอู่ฮั่น โดยขณะนี้พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว 2 ราย และรอผลตรวจวินิจฉัยจากห้องแล็บ 8 ราย

จุดคัดกรองโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภาพเผยแพร่โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 19 มกราคม (ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)

แผนที่แสดงที่ตั้งเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ศูนย์กลางระบาดโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)

ทางการจีนประกาศเมื่อวันจันทร์นี้ (20 ม.ค.) ว่ามีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่คล้ายโรคซาร์สเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเกือบ 140 ราย ทำให้ในตอนนี้มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 200 รายแล้ว และมีอยู่ 170 รายที่กำลังได้รับการรักษาในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการระบาด โดยมีอยู่ 9 กรณีอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงและมียอดผู้เสียชีวิตจากกรณีนี้แล้ว 3 ราย

ขณะเดียวกันในรายงานล่าสุดคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนแถลงว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สามารถติดต่อได้จากคนสู่คน ทั้งนี้ในรายงานของ Channel News Asia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/china-confirms-human-to-human-transmission-as-who-emergency-12293414#cxrecs_s

ก่อนหน้านี้ทางการจีนเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มกราคม ว่ามีกรณีคนเสียชีวิตรายที่ 3 แล้วจากกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยล่าสุดพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 200 รายแล้ว ซึ่งนอกจากจะมีกรณีจำนวนมากเกิดขึ้นในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการระบาดแล้ว จากตัวเลขล่าสุดนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่มีการพบผู้มีเชื้อไวรัสนี้ในที่อื่นๆ ของจีนอย่างกรุงปักกิ่งและกวางตุ้ง

สาเหตุที่มีการตื่นตัวในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งนี้เป็นเพราะว่าเชื้อไวรัสตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคซาร์สเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ โดยที่โรคซาร์สทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 650 คนทั่งในจีนและฮ่องกงในช่วงปี 2545-2546

คณะกรรมการด้านสาธารณสุขของเมืองอู่ฮั่นเปิดเผยว่ามีกรณีผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างน้อย 136 รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากในอู่ฮั่นแล้วเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกรุงปักกิ่งก็แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต้าซิงอย่างน้อย 2 ราย โดยที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่เหล่านี้เคยเดินทางไปอู่ฮั่นมาก่อน มีการรักษาอาการปอดอักเสบให้กับผู้ป่วยเหล่านี้และผู้ป่วยในปักกิ่งมีสภาพอาการคงตัวแล้ว

อีกรายหนึ่งที่มีการแถลงถึงคือกรณีชาวเสิ่นเจิ้นอายุ 66 ปีที่มณฑลกวางตุ้ง ถูกควบคุมตัวเพื่อกักด่านควบคุมโรคมาตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม เขามีอาการไข้และอาการอื่นๆ หลังจากเดินทางกลับจากไปเยี่ยมญาติที่อู่ฮั่น โดยที่ในปัจจุบันจากจำนวนผู้ตรวจพบว่าเป็นโรคนี้รวม 201 ราย มี 170 รายที่กำลังรับการรักษาในโรงพยาบาล มี 9 รายที่อยู่ในอาการน่าเป็นห่วง

เมืองอู่ฮั่นมีประชากรอยู่ 11 ล้านคน เป็นแหล่งศูนย์กลางการขนส่งขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่มีประชากรราวหลายแสนคนที่เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อเยี่ยมครอบครัว ทำให้น่าเป็นห่วงว่าเชื้อไวรัสโคโรนาตัวที่ค้นพบใหม่นี้จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้มากขนาดไหน

จนถึงตอนนี้ที่มาของไวรัสตัวนี้ยังคงเป็นปริศนา องค์การอนามัยโลกเคยสันนิษฐานว่ามาจากตลาดอาหารทะเลในอู่ฮั่น แต่ในวันที่ 19 มกราคม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ที่ผ่านมาทางองค์การอนามัยโลกก็แถลงแก้ไขว่ามีบางกรณีของผู้มีเชื้อไวรัสนี้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดอาหารทะเลดังกล่าว

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์เอ็มอาร์ซีเพื่อการวิเคราะห์โรคติดต่อที่อิมพีเรียลคอลเลจ กรุงลอนดอน ระบุว่าจำนวนผู้มีเชื้อจริงๆ อาจจะอยู่ที่ 1,700 ราย มากกกว่าที่พบและมีประกาศออกมาจากทางการในตอนนี้ แต่จากการที่รัฐบาลจีนมีการพยายามคัดกรองโรคก็อาจจะทำให้สามารถระบุตัวผู้มีเชื้อได้มากขึ้นในสัปดาห์นี้

รองนายกเทศมนตรีของอู่ฮั่นกล่าวผ่านสื่อรัฐบาลจีนว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามคัดกรองโรคจากจีนโดยการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดไว้ตามสนามบิน สถานีรถไฟ และสถานีขนส่งต่างๆ ทั่วเมือง ถ้าพบผู้ที่มีไข้ก็จะมีการจดรายชื่อ ให้สวมหน้ากากและพาตัวไปที่สถานพยาบาล นอกจากในจีนแล้ว ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐฯ และในหลายประเทศของเอเชียก็มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารจากอู่ฮั่นอย่างเข้มงวดขึ้นเช่นกัน

ด้านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของไทย แถลงสถานการณ์ล่าสุดเมื่อ 20 มกราคม ว่า กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการเฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินในเส้นทางที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เริ่มคัดกรองวันที่ 17 มกราคม 2563 ตั้งแต่วันที่ 3-20 มกราคม 2563 จำนวน 116 เที่ยวบิน มีผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรอง 18,383 ราย วันที่ 20 มกราคม พบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้ตามนิยามทั้งหมด 32 ราย โดย 19 ราย คัดกรองได้ที่สนามบิน นอกจากนี้มีผู้ป่วยที่มีอาการเข้าตามนิยามไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน 8 ราย โรงพยาบาลรัฐ 5 ราย และในจำนวนนี้พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลรัฐ 9 ราย ไม่พบผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยอาการดีขึ้นและกลับบ้านแล้ว 23 ราย  มีรายงานด้วยว่าพบผู้ป่วยยืนยันแล้ว 2 ราย และมีผู้ป่วยรอผลตรวจวินิจฉัยจากห้องแล็บ 8 ราย (อ่านสถานการณ์เฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคได้ที่นี่)

โดยมาตรการในประเทศไทยขณะนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ยกระดับสถานการณ์เป็นระดับ 2 และเน้นคัดกรองคนไข้ ณ ช่องทางเข้าออกประเทศที่ท่าอากาศยาน 5 แห่งดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล สนับสนุนการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่

ด้าน นพ.แพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร แถลงด้วยว่า ในกรณีประเทศไทยที่มีผู้ป่วยชาวจีนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น ทางสถาบันให้การรักษาและเฝ้าสังเกตอาการในห้องแยกเชื้อความดันลบอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสูงสุด จนอาการหายดีและตรวจไม่พบเชื้อไวรัส จึงให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย

และหากจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงขอให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ ตลาดค้าสัตว์หรือสินค้าจากสัตว์ หรืออยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบขอให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง กรณีพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์โรคปอดอักเสบ ขอให้โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที

เรียบเรียงจาก

China reports SARS-like virus spreads across country, nearly 140 new cases, Hong Kong Free Press, 19-01-2020

China confirms 139 new cases of pneumonia, virus spreads to Beijing and Shenzhen, Channel News Asia, 20-01-2020

China confirms human-to-human transmission as WHO emergency group meets, Channel News Asia, 21 Jan 2020 03:18 AM

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net