โกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกาคนใหม่ อดีต รมต.กลาโหม ยอมรับ ชาวทมิฬ 20,000 รายที่สาบสูญในช่วงสงครามกลางเมืองเสียชีวิตแล้ว เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลศรีลังกายอมรับเรื่องนี้ถึงแม้ว่าความขัดแย้งจะจบลงตั้งแต่ปี 2552 ราชปักษามีแผนการจะร่างกฎหมายให้ผู้ที่ก่อเหตุเหล่านี้ได้รับนิรโทษกรรมด้วย
ภาพการกู้ระเบิดในค่ายจาฟนา ประเทศศรีลังกา (ที่มา: วิกิพีเดีย)
24 ม.ค. 2563 โกตาบายา ราชปักษา เป็นประธานาธิบดีของศรีลังกาผู้ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งเข้ามาในเดือน พ.ย. 2562 เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมมาก่อนในช่วงที่มีเหตุการณ์การสู้รบระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธพยัคฆ์ทมิฬอีแลม โดยถึงแม้ว่าการสู้รบจะสิ้นสุดลงไปเป็นเวลา 11 ปีแล้ว แต่รัฐบาลเพิ่งจะยอมรับเป็นครั้งแรกว่ามีชาวทมิฬ 20,000 รายที่หายสาบสูญในช่วงสงครามเย็นนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
ราชปักษากล่าวถึงในเรื่องนี้ในการพบปะหารือกับผู้แทนของสหประชาชาติที่กรุงโคลอมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา เขาบอกอีกว่าจะมีการออกใบมรณบัตรอย่างเป็นทางการให้กับบุคคลที่สาบสูญเหล่านี้ ราชปักษากล่าวอีกว่าการเปิดเผยในเรื่องนี้จะช่วยสร้างความกระจ่างให้กับครอบครัวของสูญเสียและเขาหวังว่านักการเมืองเชื้อสายชาวทมิฬจะไม่ "ฉวยใช้โอกาสนี้ในการสร้างความวุ่นวาย"
อย่างไรก็ตาม สื่อในศรีลังกาก็รายงานว่าราชปักษาเปิดเผยเรื่องนี้ในช่วงที่กำลังจะเสนอให้มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับผู้ก่อเหตุเหล่านี้
สงครามกลางเมืองในศรีลังกาเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2526 และดำเนินมาเป็นเวลา 26 ปี สงครามในครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 100,000 ราย ความขัดแย้งในครั้งนี้ยังนับเป็นความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติกับศาสนาด้วย จากการที่ฝ่ายรัฐบาลคือชาวพุทธเชื้อสายสิงหล สู้รบกับชนกลุ่มน้อยศาสนาฮินดูชาวทมิฬที่ต้องการเอกราช
ถึงแม้ว่าจะมีการก่อเหตุโหดร้ายจากทั้งสองฝ่าย แต่สำนักข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติก็เคยรายงานว่ากองทัพของรัฐบาลก่อเหตุสังหารอย่างผิดกฎหมาย บังคับให้สูญหาย และก่อความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพต่อชาวทมิฬ โดยถือว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นหนึ่งในการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
สหประชาชาติเปิดเผยว่า มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือแสดงให้เห็นทหารของฝ่ายรัฐบาลสังหารพลเรือนที่ถูกจับมัดและปิดตา มีการยิงปืนใหญ่ใส่ "พื้นที่ห้ามยิง" ซ้ำๆ จนมีคนเสียชีวิตราว 70,000 ราย ส่วนมากเป็นพลเรือนชาวทมิฬ
หลังจากที่ความขัดแย้งสิ้นสุดลง ฮิวแมนไรท์วอทช์เคยบันทึกเรื่องการหายสาบสูญของนักกิจกรรมและนักข่าวชาวทมิฬ
นักกิจกรรมชาวทมิฬไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนิรโทษกรรมของราชปักษา โดยบอกว่าคนที่ก่อเหตุต้องรับผิดชอบกับความผิดของตัวเอง ขณะที่ราชปักษาบอกว่าการเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพหลังสงครามกลางเมือง
เรียบเรียงจาก
Sri Lanka finally admits 20,000 missing Tamils are dead, The Telegraph, Jan. 21, 2020