Skip to main content
sharethis

'จาตุรนต์' ขึ้นศาลนัดแรก คดีขัดคำสั่ง คสช., พ.ร.บ.คอมฯ, ยุยงปลุกปั่นต้าน คสช. ปี57 ระบุขึ้นศาลมา 5 ปีสืบพยานได้ 2 ปาก โดนระงับธุรกรรมการเงินเกือบ 5 ปี โดนยกเลิกพาสปอร์ด 3 ปี ชี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ให้คนเห็นต่างแสดงความเห็น


แฟ้มภาพ

29 ม.ค. 2563 วันนี้สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมายเลขดำ อ.3055/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ และอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานฝ่าฝืนขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 37/2557 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116,368,91

กรณีวันที่ 27 พ.ค.57 จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ต่อต้านการเข้าควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยให้ประชาชนเห็นว่า การเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และคำสั่งหรือประกาศ คสช.ก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนทั่วไปต่อต้านการคุมอำนาจของ คสช. เป็นการยั่วยุ ปลุกปั่นทำลายความน่าเชื่อถือของคณะคสช. เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร 

โดยวันนี้ จาตุรนต์ เดินทางมาศาล พร้อมด้วยนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยในฐานะทนายความจำเลย

เมื่อถึงเวลานัด อัยการโจทก์และทนายความจำเลย แถลงว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อเท็จจริงที่ใดสามารถรับกันได้ โดยอัยการโจทก์ จะขอดำเนินการสืบพยาน 18 ปากต่อจากพยานเดิมที่เบิกความไว้กับศาลทหารแล้วจำนวน 2 ปาก ซึ่งพยานที่จะนำสืบนั้น เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจสอบการแถลงข่าวของจำเลย , เจ้าหน้าที่แปลภาษา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อความแถลงข่าวที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และพนักงานสอบสวน โดยจะใช้เวลา 10 นัด ขณะที่ฝ่ายจำเลยแถลงนำสืบพยานต่อสู้คดี ประกอบด้วยจาตุรนต์ จำเลย , นักวิชาการที่ให้ความเห็นทางข้อกฎหมาย ความเห็นด้านความมั่นคง ความเห็นทางการเมืองในขณะนั้น และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก รวม 16 ปาก ใช้เวลา 10 นัด ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต และกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 5 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณา จาตุรนต์ กล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลาพิจารณาจากศาลทหารมาแล้วกว่า 5 ปีซึ่งสืบพยานโจทก์ไป 2ปากเท่านั้น หลังจากนี้จะยื่นคำร้องเพื่อขอใช้สิทธิขอความเป็นธรรมในฐานะจำเลย ชี้แจงถึงความเป็นมาของคดีนี้ว่าคดีที่ตนโดนไม่ใช่คดีปกติเพราะการที่ตนโดนฟ้องคดีขึ้นศาลทหารไม่ได้เกิดจากการที่ คสช. เห็นตนกระทำความผิดจึงมีการตั้งข้อหา แต่ทางทหารและ คสช. ต้องการที่จะนำตัวตนขึ้นศาลทหาร โดยการพิจารณาคดีที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏหลักฐานใดที่เห็นได้ว่าข้อความที่ตนแถลงข่าวผิดกฎหมายอย่างไรทั้งที่ใช้เวลามา 5 ปีแล้ว

การดำเนินคดีนี้เป็นการทำให้ตนลำบากเดือดร้อนเพื่อไม่ให้ตนเสนอความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจาก คสช. และรัฐบาล โดยมีการระงับธุรกรรมทางการเงินเกือบ 5 ปี พร้อมห้ามตนเดินทางออกนอกประเทศ และยกเลิกพาสปอร์ตของตน 3 ปีซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยศาลปกครองสูงสุดเคยวินิจฉัยไว้แล้วว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมต่อตนอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขู่เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อไม่ให้คนที่เห็นต่างไม่กล้าแสดงความเห็น คดีนี้จึงไม่เป็นเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่จะดำเนินคดีในศาลทหาร

แต่เมื่อมาดำเนินคดีในศาลยุติธรรมตนจึงเห็นควรร้องขอความเป็นธรรม แจ้งถึงความเป็นมาของคดีให้ทั้งศาลและอัยการได้รับทราบ ถ้าตามปกติวิญญูชนผู้มีความรู้ทางกฎหมายได้พิจารณาจะเห็นว่าคดีนี้จะไม่สามารถมาถึงศาลอาญาได้เลย แต่ที่มาถึงได้นั้นเพราะคดีนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดปากตนโดยผ่านศาลทหาร และเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นคดีของตนก็ไม่สามารถดำเนินในศาลทหารได้เพราะอารยประเทศไม่ยอมรับเนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การโอนคดีมาศาลยุติธรรมจึงเป็นเรื่องที่มีเหตุพิเศษเนื่องจากศาลอาญาจะให้ความยุติธรรมได้มากกว่า สำหรับการที่ตนเรียกร้องให้ประชาชนอดทน เรียกร้องให้เป็นประชาธิปไตยให้มีการเลือกตั้งนั้นเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้อยู่แล้ว โดยนายทหารติดตามตนไปที่สถานีตำรวจก็ได้บอกต่อหน้าตำรวจว่าตนไม่ได้ทำผิด แต่ผู้ใหญ่ต้องการมีการนำตัวตนขึ้นศาลทหาร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net