พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ลาบวชที่อินเดีย นายตำรวจท่องเที่ยว คนสนิท พล.อ.ประวิตร ผู้ร้อนแรงขยันทำงาน จนสงสัยว่านี่ ตร.ท่องเที่ยว? ถูกข้อครหาวิ่งเต้นโผตำรวจ ก่อนเงียบหายหลังถูกย้าย กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งหลังถูกยิงรถ ต่อด้วยคำสั่งนายกฯ ห้ามประพฤติชั่ว จนถึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ที่อินเดีย

ภาพ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ที่อินเดีย ภาพจาก โปลิศนิวส์

29 ม.ค.2563 หลังจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือลา เพื่อขอบวชทดแทนคุณ พ่อแม่ ที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และได้เข้าพิธีอุปสมบถ อย่างเรียบง่าย และได้รับฉายาว่า "สุรเชฏฺฐโพธิ" แปลว่า ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้ ซึ่งเจริญที่สุดด้วยความกล้าหาญ แล้วนั้น ในโอกาสนี้จะขอย้อนทวนผลงานในรอบ 2-3 ปี ที่ผ่านมาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นายตำรวจที่ร้อนแรงในหน้าสื่อคนหนึ่งก่อน ถูกย้าย ถูกยิงรถ ถูกคำสั่งนายกฯ ห้ามประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำการอันเป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ จนถึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ที่อินเดียนี้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ คืออดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ยังเคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ก่อนที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายเขาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ปี 62

ขยันทำงาน จนสงสัยว่านี่ ตร.ท่องเที่ยว?

ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีความขยันในการทำงานมาก ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ด้วย เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 61 ตำรวจนอกเครื่องแบบนำตัว เอกชัย หงส์กังวาน และโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ 2 นักกิจกรรมการเมือง ไป สน.โชคชัย หลังทั้ง 2 นัดหมายเพื่อนำแผ่นไวนีลนาฬิกาหรู 24 เรือน ปืนฉีดน้ำ ธูปและขันน้ำสีแดง มาเพื่อที่จะไปทำกิจกรรมรดน้ำดำหัวให้ พล.อ.ประวิตร โดยเจ้าหน้าที่อ้างผู้ใหญ่สั่งมาว่าไม่สบายใจและไม่ต้องการให้ไปทำกิจกรรมที่บ้านของ พล.อ.ประวิตร นอกจากนั้น ระหว่างการเจรจาต่อรองไม่ให้ถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้เอาโทรศัพท์ที่มีชื่อและเบอร์โทรของ ผู้การโจ๊ก" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  ให้คนทั้งสองดูพร้อมกับบอกว่า "พี่โจ๊กไม่ยอม" 

25 มิ.ย.61 พล.ต.ต.(ยศขณะนั้น) สุรเชษฐ์ แถลงจับกุมผู้ต้องหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยอ้างว่า นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยมีการโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลในเพจเฟสบุ๊ค “กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ” จำนวน 2 โพสต์

5 ก.ย.61 พล.ต.ต.(ยศขณะนั้น) สุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดเกาะสมุยได้พิจารณาออกหมายจับแอดมินเพจ CSI LA และผู้ที่แชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จรวม 12 ราย ทาง ศปอส.ตร. ได้กระจายกำลังกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จนสามารถคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ในฐานความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายประชาชน ได้ทั้งหมด 9 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย โดยจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งทางพนักงานสอบสวนสภ.เกาะสมุยดำเนินคดีตามกฎหมาย

หมายจับดังกล่าวเกิดหลังจากที่ เพจ CSI LA ได้โพสต์ข้อมูล ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ที่แม่ของผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวอังกฤษได้ติดต่อไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเกี่ยวกับกรณีที่ลูกสาวของเธอโดนข่มขืน และเมื่อลูกสาวเธอไปแจ้งความตำรวจกลับรับแจ้งเฉพาะกรณีของหาย แต่ไม่ลงข้อมูลเรื่องการข่มขืนโดยอ้างว่าเป็นคนละพื้นที่กัน โดยเพจ CSI LA ได้แนบหลักฐานเป็นอีเมลและรายละเอียด 

7 ม.ค.62 พล.ต.ต.(ยศขณะนั้น) สุรเชษฐ์ เป็นแม่งานหลักที่ปรากฏในสื่อกรณี ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนูน หญิงชาวซาอุดิอาระเบียวัย 18 ปี ถูกกักตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ขณะพยายามหลบหนีจากครอบครัว โดยเดินทางด้วยเครื่องบินจากประเทศคูเวตไปยังปลายทางที่ประเทศออสเตรเลีย

13 ก.พ. 62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นผู้แถลงผลการจับกุมรองนายกเทศมนตรีตำบลเวียงลอ อ.จุน จ.พะเยา และเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองท้องถิ่น โดยอ้างว่าเป็นผู้ต้องหาลักลอบเข้าระบบคอมพิวเตอร์  ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังมีผู้เสียหายแจ้งเบาะแสกับตำรวจว่ามีกลุ่มคนร้ายทำการลักลอบเข้าใช้คอมพิวเตอร์ฯ โดยใช้ในการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้อื่นนำไปขาย จึงได้เร่งรัดตรวจสอบ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวขณะกำลังเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านบางเขน พร้อมของกลางจำนวน 9 รายการ

19 ก.พ.62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็เป็นคนที่รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)ต้องเดินทางมาพบ หลังถูกฟ้องข้อหาทำเว็บรายงานค่าฝุ่น PM2.5 เท็จ สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

แม้แต่หลังเลือกตั้ง และความไม่ราบรื่นของการจัดการเลือกตั้งและการรายงานผลการเลือกตั้งที่มีปัญหาหลายด้านนั้น ล่าสุดมีผู้ตั้งแคมเปญรณรงค์ให้ร่วมลงชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ออกมากล่าวถึงตรวจสอบการโพสต์ การแชร์ ข่าวเท็จ หลังมีการปิดหีบเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลบนโซเชียลมิเดียทั้งหมด ยอมรับว่ามีทั้งข่าวจริงข่าวเท็จ รวบทั้งที่มีการแชร์ว่ามีบัตรเลือกตั้งเกิน ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรวจสอบเช่นกัน ขอเตือนประชาชนที่แชร์ข้อมูลข่าวสารให้คำนึงถึงผลที่ตามมา อยากให้แชร์อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง วันนี้อาจบิดเบือนได้ แต่ไม่เกิน1-2วันตำรวจรู้อยู่ดี

เป็นต้น

สุรเชษฐ์ หักพาล (ที่มา: เพจเฟสบุ๊คสุรเชษฐ์ หักพาล)

ปัดเอี่ยวทำโผตร.ชงตั้ง กก.สอบซื้อเก้าอี้ บชน.

ย้านไป 15 มิ.ย. 60 กรณีข่าวการวิ่งเต้นในการซื้อขายตำแหน่งตำรวจนครบาลนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ออกมากล่าวถึง กรณีที่มีคำกล่าวอ้างว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ขณะนั้น)และ พล.ต.ต.(ยศขณะนั้น) สุรเชษฐ์ เป็นคนกลางในการวิ่งเต้น ว่า หากต้องการให้เกิดความโปร่งใสก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน จึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ 

ส่วนกรณีมีการพาดพิงว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร และมีอำนาจเหนือกว่ายศพลตำรวจเอก รวมไปถึงอยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจนครบาลนั้น ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกันเพียงแค่เรื่องงาน แต่ไม่เกี่ยวกับการโยกย้ายตำรวจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนที่บอกว่าเป็น ผบ.ตร.น้อย นั้น ระบุว่าเป็นการคิดกันไปเอง และส่วนตัวไม่ทราบ ว่า ในองค์กรตำรวจมีความขัดแย้งภายในหรือไม่ โดยต้องดูกันเอง

คำสั่งหัวหน้า คสช.โอนไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ

6 เม.ย.62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถูกคำสั่งย้ายเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยไม่มีกำหนด ต่อมา มีคำสั่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 2/2562 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ใน สตช. เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ หลังคำสั่งดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็หายไปจากสื่อ แม้แต่แฟนเพจเฟสบุ๊กก็หายจนมีการตั้งข้อสังเกตในโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่กฏปรากฏตัวทั้งตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และเพจ ในเวลาต่อมา

ถูกยิงรถ ถึงคลิป ผบ.ตร.- รอง ผบ.ตร.

ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถูกลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวหน้าร้านนวดแผนโบราณ โดยเจ้าตัว ระบุว่า มาจากการที่เตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ด้วยไบโอเมทริกซ์ที่มีมูลค่าถึง 2 พันล้านบาท โดยในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงาน ตม. และตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าวถือเป็นการทำเพื่อประโยชน์ประชาชน 

อย่างไรก็ตามตามต่อมา โซเชียลมีการแชร์คลิปลับบทสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ความยาวประมาณ 3 นาที บทสนทนาเป็นในลักษณะของการเตือนให้ดำเนินการในคดียิงรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่ถูกคนร้ายยิงรถเก๋งส่วนตัวดังกล่าว

คำสั่งนายกฯ ห้ามประพฤติชั่ว - ย้าย รอง ผบ.ตร.อีก ปมคลิปลับบทสนทนาคดียิงรถ

24 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการรักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ กำชับให้ พล.ต.ท.สรเชษฐ์  รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ พร้อมทั้งห้ามประพฤติชั่ว ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม 

ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยอมรับว่า การเสนอให้มีการโยกย้าย พล.ต.อ.วิระชัย นั้น เนื่องจาก ประเด็นการปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างตนเองกับ พล.ต.อ.วิระชัย ปมปัญหาการยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพราะเป็นปัญหาต่อเอกภาพขององค์กร โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีมติเสนอโยกย้าย พล.ต.อ.วิระชัย ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ถ้าอยู่เกรงจะเป็นอุปสรรคปัญหา

นอกจากนี้ ยังมีหนังสือหน่วยราชการในพระองค์ 904 ที่ พว.005.1/493 ลงวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เรื่องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นตำรวจราชองครักษ์ 

ซึ่งทั้งการย้ายและพ้นตำรวจราชองครักษ์ ของ พล.ต.อ.วิระชัย ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ACE หรือ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) ทำให้หุ้นร่วงต่อเนื่อง