Skip to main content
sharethis

รวมสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่วันที่ 5 ก.พ. 2563: หลังวานนี้คนไทยในอู่ฮั่น 138 คนกลับถึงไทยปลอดภัย วันนี้คนขับแท็กซี่ติดเชื้อโคโรนาคนแรกในไทยหายป่วยแล้ว ขณะที่กรมการขนส่งทางบกเปิดตรวจสุขภาพคนขับแท็กซี่ฟรี วันที่ 12-13 ก.พ.นี้ และยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาพุ่งสูงเกิน 490 คน 


ที่มาภาพประกอบ: Wikipedia

คนไทยในอู่ฮั่นถึงสัตหีบแล้ว 138 คน ไม่ใช่ผู้ป่วย 

5 ก.พ. 2563 วานนี้ (4 ก.พ.) สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังสนามบินอู่ตะเภา ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อรับคนไทยที่เดินทางมาจากนครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 138 คน จากจำนวนเดิม 141 คน 

โดยอนุทิน แถลงว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นผลมาจากการเร่งรัดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อนำคนไทยทั้งหมดกลับสู่แผ่นดินเกิดโดยเร็วที่สุด ยืนยันว่า 138 คนที่เดินทางมาวันนี้ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะที่การควบคุมและกักกันโรค เป็นการดำเนินการตามมาตรฐานในสถานการณ์ภาวะโรคระบาด อย่างไรก็ตามมีจำนวน 2 รายที่ทางการจีนตรวจพบไข้สูงเกินเกณฑ์กำหนดไว้ของประเทศต้นทางจึงถูกกักกันไว้ 14 วัน และได้รับการดูแลจากสถานทูตไทยเป็นอย่างดี ขณะที่อีก 1 ราย พบว่าวีซ่าขาด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะมีการประสานเพื่อช่วยเหลือนำตัวกลับบ้านอย่างปลอดภัย

อนุทิน กล่าวว่า สำหรับความสำเร็จครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณกองทัพไทย และขอเรียนว่าสาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยสถานที่กักกันทั้ง 138 บุคคล ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากต้องให้เกียรติเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย โดยเฉพาะการแพร่เชื้อ และต้องขอขอบคุณกองทัพเรือที่อำนวยความสะดวก เพราะมีการประเมินว่าคนไทยที่เดินทางมาอยู่อาศัยอยู่ในตึกสูง และอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาแล้วกว่า 1 เดือน พล.อ.ประยุทธ์จึงเล็งเห็นว่าพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่เดินทางมาวันนี้ ต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิตามมาตรฐานอีกครั้ง 

 

คนขับแท็กซี่ติดเชื้อโคโรนาคนแรกในไทยหายป่วยแล้ว

ไทยพีบีเอสรายงานว่า อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยสาธารณสุข เผยข่าวดีว่า คนขับแท็กซี่ คนไทยคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 จากการขับรถ ได้รับการรักษาจนขณะนี้อาการดีหายป่วย โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ส่วนคนใกล้ชิดครอบครัว ก็ไม่ตรวจพบติดเชื้อ 

“ภาพรวมสถานการณ์คนป่วยสะสมในไทย 25 คน และ 9 คนหายป่วยกลับบ้าน ส่วนอีก 16 คนอยู่โรงพยาบาลแต่ทุกคนอาการดีขึ้น มีแนวโน้มที่จะหายจากอาการป่วย ไม่ได้เจ็บป่วยมากขึ้น” อนุทินกล่าว

โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้นำการนำคนขับแท็กซี่ที่หายป่วย มาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยคนขับแท็กซี่ เปิดใจว่า ขอบคุณทุกคนที่รักษาจนหายป่วย รู้สึกดีมาก แข็งแรง วิ่งรอบกระทรวงยังได้ ความรู้สึกวันแรกน้ำตาไหล ไม่คิดว่าจะเป็นโรคดังกล่าว เพราะทำงานคิดถึงครอบครัว แต่เมื่อติดโรคดังกล่าวความรู้สึกวันแรก ได้ ผอ.เป็นกำลังใจให้ โทรหาผมทุกวันว่าอย่าเครียด ให้กินได้ นอนหลับ ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน

ฝากขอบคุณ รัฐมนตรีที่โทรสอบถาม เป็นห่วง และฝากถึงคนขับแท็กซี่ให้หันมาดูแลตัวเอง ไม่ใช่หาเงินอย่างเดียว พอมีอะไรเกิดขึ้นมารายได้จะหดหาย โดยเฉพาะแท็กซี่ เป็นด่านแรกเจอนักท่องเที่ยว เราจะรู้ได้อย่างไรว่านักท่องเที่ยวมีอาการปลอดภัยใหม่ ขอให้นำหน้ากากอนามัยให้นักท่องเที่ยว และใส่ให้ตัวเองด้วย

คนขับแท็กซี่ กล่าวอีกว่า เมื่อครอบครัวพบว่าเป็นหวัดจะแยกทันที การกินอยู่ และดำรงชีวิต แยกช้อน แยกแก้ว กระทั่งขันบ้วนยาสีฟัน การใส่ใจในครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งที่จะไม่แพร่เชื้อไปสู่คนข้างนอก และคนรอบข้าง ตอนป่วยไม่ออกจากบ้านไปคุยกับใคร เก็บตัวอย่างเดียว จะได้ไม่มีใครมาโทษเราว่าเป็นตัวแพร่เชื้อ ไม่ว่าหวัดเล็ก หวัดใหญ

ผมติดโคโรนา ก็ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีกับนักท่องเที่ยวชาวจีน เหมือนกับพี่น้องเราทุกคนในโลกเป็นครอบครัว อย่างผมขับรถแท็กซี่พูดตรงๆ อู่ข้าวอู่น้ำของผมคือนักท่องเที่ยว ที่ช่วยให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว

“ผมจะรับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก และไม่รู้สึกแย่ ดูข่าวอยู่ในห้องแยกโรค ผมส่งกำลังใจไปให้ชาวอู่ฮั่นทุกวัน ให้สู้ ๆ ขนาดผมยังสู้ และหายป่วย”

นอกจากนี้  ยังฝากอาชีพสาธารณะ อยากฝากว่าหากขาดรายได้จะกระทบทุกอย่างในครอบครัว ฝากถึงผู้ใหญ่ให้มีนโยบายช่วยแท็กซี่ หรืออาชีพสาธารณะ ให้เข้ามาตรวจ หรือมีการชดเชยรายได้เมื่อถูกกักตัวดูอาการ เพราะเป็นอาชีพหาเช้ากินค่ำ

 

กรมการขนส่งทางบกเปิดตรวจสุขภาพคนขับแท็กซี่ฟรี วันที่ 12-13 ก.พ.นี้ 

กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมกับกรมควบคุมโรค และกรมการท่องเที่ยว จัดบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด และประเมินความพร้อมด้านร่างกายด้วยการทดสอบการมองเห็นระยะไกลของผู้ขับรถแท็กซี่ก่อนการขับขี่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในระหว่างวันที่ 12-13 ก.พ.2563 ณ บริเวณอาคาร 4 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก

 

ตายอีก 65 ชีวิตจากไวรัสโคโรน่า ยอดทะลุ 490 คน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ได้รับการยืนยันผลเพิ่มขึ้น 3,887 คนและผู้ป่วยที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 65 คน โดยเป็นตัวเลขของเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) ผู้ป่วยทั้งหมดกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่งของจีน

ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่ทั้งหมดอยู่ในมณฑลหูเป่ย ขณะเดียวกันมีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 3,971 คน ผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้น 431 คนและผู้ป่วยที่ได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลอีก 262 คน

จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯโคโรนาบนจีนแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ที่ 24,324 คนและผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 490 คน โดยผู้ป่วยที่ยังคงมีอาการหนักอยู่ที่ 3,219 คน ผู้ป่วยต้องสงสัยอยู่ที่ 23,260 คน และผู้ป่วยที่หายดีแล้วรวมอยู่ที่ 892 คน

นอกจากนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC)ยังระบว่า มีการเฝ้าติดตามบุคคลที่มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ป่วย 252,154 คน โดยมี 18,457 คนได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ ขณะอีก 185,555 คน ยังคงอยู่ระหว่างสังเกตอาการ 

ด้านจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 18คน เขตบริหารพิเศษมาเก๊า 10 คน และเกาะไต้หวันของจีน 11คน  โดยฮ่องกงพบผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายแรกด้วย

 

ทูตไต้หวันแจง 'ไข้หวัดหมู' ระบาดประจำฤดู ไม่น่าวิตก

Radio Taiwan International รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 นายถงเจิ้นหยวน ทูตไต้หวันประจำประเทศไทย ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำไทย ได้โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวชี้แจงกรณีสื่อไทยอ้างรายงานข่าวของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ในฮ่องกง ที่ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโรค "ไข้หวัดหมู" ในไต้หวันรุนแรงกว่าการระบาดของโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยในไต้หวันมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวแล้ว 56 ราย ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยนายถงฯ ได้ชี้แจงว่า ตนได้ตรวจสอบโดยตรงไปยังกรมควบคุมโรค ไต้หวัน ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า คำว่า“ไข้หวัดหมู” (Swine Flu) นั้นเป็นคำที่องค์การอนามัยโลกใช้เรียก“ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 (A/H1N1) " ซึ่งมีการระบาดในปี 2009 ต่อมาองค์การอนามัยโลกได้เปลี่ยนชื่อ“ไข้หวัดหมู”ให้เป็น “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 " แต่ในทางความเป็นจริงคำว่า "ไข้หวัดหมู" ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหมูแม้แต่น้อย

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ในไต้หวัน ในช่วงระหว่างเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว จนถึง 3 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 56 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหรือร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว รวมทั้งกว่า 98% มิได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯ ที่มีผู้ป่วยถึง 19 ล้านคน และเสียชีวิตนับหมื่นแล้ว สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ดังกล่าว จึงอยู่ในสภาพที่ไม่น่าวิตก และยังคงควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเสี่ยงเป็นประจำทุกปี รวมทั้งสถานการณ์การระบาดในไต้หวันก็มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับด้วย การเดินทางไปท่องเที่ยวไต้หวันจึงไม่น่าวิตก และสามารถท่องเที่ยวไต้หวันได้อย่างมีความสุข เพียงระมัดระวังสุขภาพ หมั่นล้างมือเป็นประจำ ใช้หน้ากากอนามัยในยามจำเป็นเท่านั้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net