'ในหลวง-พระราชินี' เสียพระราชหฤทัยเหตุการณ์ที่นครราชสีมา ทรงรับสั่งให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชน-เจ้าหน้าที่

10 ก.พ. 2563 เมื่อเวลา 18.00 น. พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ดังนี้
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. 2563 และพระราชทานกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสียและเจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมทั้ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรับศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมและพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งยังโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จากสำนักพระราชวัง และหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์เป็นผู้แทนพระองค์ไปเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสียทุกราย ตลอดจนการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการพิสูจน์หลักฐานและทำความสะอาดสถานที่ให้เรียบร้อยจนกว่าจะจบภารกิจ
 
พร้อมกันนี้ ทรงรับสั่งให้รัฐบาลดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทยทุกคน

กองทัพบกมอบหน่วยทหารดูแลพิธีศพเหยื่อกราดยิงโคราช

พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่าหลังจากเหตุการณ์ยุติลงและอยู่ในระหว่างการทำงานของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับด้านคดี ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน การรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การจัดการด้านพิธีศพ การเยียวยาช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กำชับให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าอำนวยความสะดวกทั้งปวงเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือและประสานงานกับทุกภาคส่วนให้การทำงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็วในทุกๆ ด้านตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังมอบหมายให้หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่เข้ารับผิดชอบในการประสานงานอำนวยความสะดวกและดูแลการจัดพิธีศพของผู้เสียชีวิตทุกท่าน ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติและตรงตามความประสงค์ของครอบครัวและญาติ ตามภูมิลำเนาที่จัดพิธีศพ โดยมีผู้แทนจากกองทัพบก กองทัพภาคที่ 2 ร่วมในพิธี ส่วนผู้บาดเจ็บได้มีการจัดผู้แทน เข้าเยี่ยมเยียนสอบถามความต้องการต่างๆ ในระหว่างการรักษาอาการตามโรงพยาบาลทุกคน

ในส่วนกำลังพลของกองทัพบกที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มีกำลังพลเสียชีวิต 3 นาย ได้แก่

1.พันเอกอนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุที่บ้านพัก ได้เคลื่อนศพไปไว้ที่วัดกลางเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีกำหนดสวดพระอภิธรรม วันที่ 10-12ก.พ. 2563 และพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 13 ก.พ. 2563 เวลา 16.00 น.

2.ร้อยเอกศิริวัฒน์ แสงประสิทธิ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4914 กรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งเป็นผู้ผ่านมาประสพเหตุถูกยิงเสียชีวิต ได้เคลื่อนย้ายไปบำเพ็ญกุศลที่ วัดสำโรง ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กำหนดสวดพระอภิธรรม วันที่ 11-16 ก.พ. 2563 และพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 17 ก.พ. เวลา 16.00 น.

3.พลทหารเมธา เลิศศิริ สังกัดกองพันสรรพวุธกระสุน 22 กองบัญชาการช่วยรบ 2 ซึ่งเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์มีกำหนดบำเพ็ญกุศล ณ ภูมิลำเนาที่วัดโพธิสมภรณ์ (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีกำหนดเคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 11 ก.พ. เวลา 07.00 น.

นอกจากนี้ มีกำลังพลอีก 2 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์และยังอยู่ระหว่างการรักษาอาการที่ โรงพยาบาลค่ายสุรนารี คือ พลทหาร อรรถพล วงศ์พล บาดเจ็บที่ช่องท้องและขาได้รับการผ่าตัดอาการปลอดภัย และพลทหาร โชคชัย มูลจันทา บาดเจ็บที่ช่องท้องหลังผ่าตัดยังต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

อนึ่ง เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 3 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 ได้เข้าประสานการช่วยเหลือในพิธีศพของ ด.ช.รัชชานนท์ กาญจนเมธี นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2 รร.บุญวัฒนา (เสียชีวิตบริเวณหน้าวัดป่าศรัทธารวาม) โดยทางหน่วยได้เข้าประสานด้านหลักฐานที่ รพ.มหาราช,สนับสนุนโลงศพ พร้อมทำการเคลื่อนย้ายศพมาบำเพ็ญกุศล ณ วัดสามัคคี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทั้งนี้  มณฑลทหารบกที่ 21 จัดกำลังพลช่วยงานบำเพ็ญกุศลในทุกวัน

'ผบ.ทบ.' เตรียมแถลง 11 ก.พ. เหตุกราดยิง 

มีรายงานข่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เตรียมแถลงข่าวในวันที่ 11 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ของกองทัพบกที่ผู้บังคับบัญชาเคยสั่งการไปให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา สืบเนื่องจากกรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก หมวดรักษาการณ์กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ก่อเหตุปล้นอาวุธปืน และกระสุนจากป้อมรักษาการณ์ภายในหน่วยนำไปใช้ก่อเหตุร้ายเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ซึ่งก่อนหน้านั้น กองทัพบกได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทุกคน โดยทันทีที่เกิดเหตุ พล.อ.อภิรัชต์สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าควบคุมสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เดินทางไปร่วมแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยพล.อ.อภิรัชต์พร้อมชี้แจงในทุกเรื่องที่สื่อมวลชนจะสอบถามในวันพรุ่งนี้

แพทย์ชันสูตรศพเหตุกราดยิงโคราชรายสุดท้าย คือ คนร้าย ไร้ญาติติดต่อขอรับ

จากเหตุการณ์ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารหน่วยกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา คลั่งก่อเหตุกราดยิงใจกลางเมืองโคราช เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2563 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายสิบราย โดยบรรยากาศที่บริเวณห้องรับศพ ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สถานที่เก็บศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีญาติพี่น้องและครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายถูกยิงเสียชีวิต เดินทางไปติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า เต็มไปด้วยน้ำตาความสูญเสีย

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 10 ก.พ. 2563 ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา อาคารกลุ่มงานนิติเวช หลังระดมแพทย์จาก รพ.สุรินทร์ รพ.บุรีรัมย์ มาร่วมผ่าชันสูตรศพผู้เสียชีวิต เพื่อที่ญาติจะได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลตามภูมิลำเนา ศพของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ คนร้ายที่ก่อเหตุ ถูกแพทย์ผ่าชันสูตรการตายเป็นศพสุดท้าย และยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพ ส่วนผู้เคราะห์ร้ายศพรายอื่นๆ ตลอดทั้งวันได้มีญาติ ต่างทยอยเดินทางมายื่นเอกสารเพื่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา

ส่วนพลทหารเมธา เลิศศิริ ญาติแจ้งความจำนงจะมารับศพในวันที่ 11 ก.พ. 2563 และศพ 3 พ่อแม่ลูก นายสุริยะ ลิมป์รัชตามร อายุ 43 ปี นางปภัชญา นวลรักษา อายุ 33 ปี และ ด.ช.ปรมะ ลิมป์รัชตามร อายุ 2 ขวบ ที่ถูกยิงยกครัว ได้มาติดต่อขอรับศพ วันที่ 12 ก.พ. 2563

'กองปราบ' เผยคลิปแผนปฏิบัติการ ขั้นตอน เคลียร์ตัวประกัน

เพจกองปราบปราม ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ การปฏิบัติการจับกุมคนร้ายก่อเหตุยิงประชาชนที่ จ.นครราชสีมา ที่เสร็จสิ้นลงได้ เพราะทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชน ภายใต้ทีมเดียวกัน ทีมที่ชื่อว่า “ทีมประเทศไทย”

พร้อมระบุว่า “พวกเราขอเป็นกำลังใจให้ชาวโคราชเข้มแข็งอีกครั้ง และขอขอบคุณคนไทยที่ไม่เคยทิ้งกัน เราขอสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนตลอดไป”

#ทีมประเทศไทย #WeAreThailand #KoratStrong

ที่มาเรียบเรียงจาก เว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล | สำนักข่าวไทย | กรุงเทพธุรกิจ | ไทยรัฐออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท