ประยุทธ์ยืนยัน หน้ากากอนามัยไม่ขาดตลาด นักข่าวบอกหาซื้อไม่ได้ ร้านขายยาก็ไม่มี นายกรัฐมนตรียังโวยลั่น ทำไมไม่สั่งซื้อโรงงาน ผลิตได้เป็นวันละล้านๆ ชิ้น ไปซื้อถูกที่หรือเปล่า เอาสะดวกอย่างเดียวจะได้อย่างไร

วันถัดมา โลกโซเชี่ยลก่นกระหึ่ม ลุงไปหลับอยู่ไหน ถึงไม่รู้ว่าขาดตลาด ลุงไม่ช่วยแล้วยังด่าให้เจ็บใจ มีคนแชร์ภาพร้านขายยาติดป้าย "ร้านนี้ mask หมดทุกแบบ ลุงตู่บอกให้โทร.สั่งโรงงานเองนะคะ (ถ้าหาได้ฝากสั่งเผื่อด้วย) ขอบคุณค่ะ" กดไลก์กดแชร์เป็นหมื่นๆ

เท่านั้นแหละ "บิ๊กตู่เต้น สั่งแจกหน้ากากอนามัยเน้นพื้นที่เสี่ยง 4.5 หมื่นชิ้น" กลาโหมให้กรมแพทย์ทหารบก ร.พ.พระมงกุฎฯ วิทยาลัยพยาบาล ออกแจกจ่ายใน กทม. ทำเนียบรัฐบาลโดยทั่นโฆษกฯ ก็เปิดขายราคาทุน 2.50 บาท กอ.รมน.ขอความร่วมมือโรงงาน อย่ากักตุน มหาดไทยก็สั่งผู้ว่าฯ ไล่บี้ร้านค้า ตำรวจ,กรมการค้าภายใน "จับใหญ่" ร้านขายเกินราคาได้มาสัก 10 ราย

นับเป็นปฏิบัติการอันยิ่งใหญ่ แสดงแสนยานุภาพรัฐราชการ ซึ่ง "เพิ่งตื่น" หลังโดนชาวบ้านด่าหูชา ยอมรับหรือยังละว่า หน้ากากขาดแคลน ประชาชนหาซื้อไม่ได้ ทำเนียบขาย 30 นาทีก็หมด องค์การเภสัชคิวยาว 200 เมตร

แต่พอรัฐบาล "เพิ่งตื่น" ขมีขมันไล่แจก แล้วเจอคนไม่ใส่หน้ากาก แจกก็ไม่รับ รมว.สาธารณสุขด่ากราด พวกทำร้ายบ้านเมือง ไอ้พวกฝรั่งนักท่องเที่ยว แจกแล้วไม่รับต้องไล่ออกจากประเทศไทย

ประชาชนเรียกร้องให้แจกตั้งนานก็ไม่แจก พอแจกแล้วกลับเป็นบุญเป็นคุณ สามารถด่ากลับ

เพจ กอ.รมน.ก็ลงภาพซาบซึ้ง ทหารหญิงสวมหน้ากากให้คนพิการข้างถนน "...แม้ไม่มีใครรู้แต่เรารู้ รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร..." #ทหารต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส

ฮั่นแน่ รู้หรือยัง ทหารมีไว้ทำไม มีไว้แจกหน้ากาก มีไว้รับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น

รัฐบาลมาถูกทางแล้วครับ แต่ช้าไป 2-3 อาทิตย์ รู้ทั้งรู้ว่ามีปัญหา PM2.5 มาเป็นเดือน ซ้ำด้วยไวรัสโคโรนา แทนที่จะรีบควบคุมราคา ไม่รู้ไปหลับอยู่ที่ไหน

เป็นสูตรของรัฐบาลประยุทธ์หรือไรไม่ทราบ เกิดวิกฤต ชาวบ้านเดือดร้อน รัฐบาลนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร หรือมัวชักช้า ชาวบ้านเริ่มด่า ประยุทธ์ก็โวยว่าจะอะไรกันนักหนา อุตส่าห์เหนื่อยยากเข้ามาทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ทีม IO และสลิ่มก็จะแก้ตัวให้ต่างๆ นานา ชาวบ้านด่าหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีหน่วยงานเอกชนหรือคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ (เช่น บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) หรือจนเนิ่นช้าไปแล้ว รัฐราชการจึงค่อยขมีขมันออกมาตรการแก้ปัญหา นายกฯ ก็จะออกหน้า ออกงานอีเวนต์ พร้อมทวงบุญคุณ ทีม IO และสลิ่ม ก็จะโปรโมตว่านี่ไง ลุงแก้ปัญหาให้ประชาชนแล้ว เห็นไหม

ทำนองเดียวกับไวรัสโคโรนา รัฐบาลถูกด่า ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่นช้า (จน #รัฐบาลเฮงซวย พุ่งปรี๊ด) ไม่ยอมระงับ Visa on Arrival นักท่องเที่ยวจีน

ตอนนี้ก็พยายามกลบกระแสว่า เห็นไหม เป็นผลดี สถานทูตจีนออกคำแถลงขอบคุณไทย "จะไม่ลืม" มิตรภาพที่ลึกซึ้ง ลงเรือลำเดียวกัน จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน บลาๆๆ อ่านแล้วซาบซึ้งน้ำตาไหล

ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย เราควรเห็นใจจีน ไม่เกลียดกลัวคนจีน ถ้าผลิตหน้ากากอนามัยได้เพียงพอ ก็น่าจะส่งขึ้น C130 ไปช่วยจีน ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีพระราชทานอุปกรณ์การแพทย์ไปช่วยแล้ว

แต่มาตรการควบคุมโรคเป็นคนละเรื่องกัน เหมือนผัวเมียมีใครเป็นหวัด ก็ยังต้องนอนแยกห้อง ไม่ใช่ลงเรือไวรัสลำเดียวกันแล้วจะมาปั่นความซาบซึ้ง

อนุทินยังมาอ้างว่า เหตุที่ไม่แบนนักท่องเที่ยวจีน เพราะถึงแบนก็หยุดยั้งการระบาดไม่ได้ การตัดสินใจไม่แบน เป็นผลบวกต่อความสัมพันธ์ไทยจีนในอนาคต

พูดอย่างนี้ตลกละ กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้เสนอเองให้ระงับวีซ่า แต่ ครม.เศรษฐกิจไม่เห็นด้วย จนสีจิ้นผิงเป็นฝ่ายประกาศระงับการเดินทางทั้งหมด

คนจำนวนหนึ่งยังมาปั่นความภาคภูมิใจ "โคตรภูมิใจในประเทศตัวเอง" ประเทศเล็กๆ ที่โลกต้องทึ่ง ประเทศแรกที่คิดยารักษาได้ อย่ามัวแต่จ้องจับผิดรัฐบาล ว่าส่งเครื่องบินไปรับคนไทยหลังพม่า

ซึ่งพอรับกลับมาได้ ก็แน่ละ คนทั้งประเทศดีใจ เอาใจช่วย ชื่นชมนักบินและทีมแพทย์ ฮีโร่ตัวจริง แต่ไม่ใช่จะเอามากลบความบกพร่องของรัฐ

นี่ไม่ต่างกับจีน ซึ่งแม้หลังการระบาดมีมาตรการเข้มแข็ง แต่ก็ต้องยอมรับความผิดพลาด ที่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร นพ.หลี่ "ฮีโร่ตัวจริง" แพทย์คนแรกที่แจ้งว่าพบเชื้อ โดนข้อหาแพร่ความเท็จ เป็นภัยต่อความมั่นคง แม้ภายหลังเจ้าหน้าที่ขอโทษ ก็สายไปแล้ว ท้ายที่สุด นพ.หลี่เองก็เสียชีวิต

นี่คือพิษของระบอบอำนาจนิยม ต่อให้มองว่าระบอบจีนมีประสิทธิภาพกว่าไทยหลายสิบเท่า

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3542271