Skip to main content
sharethis

สถานการณ์หลังกราดยิงโคราชวันที่ 12 ก.พ. 2563 บิ๊กแดงไฟเขียวสั่งย้าย พ.อ.-พ.ท.พัวพันทุจริต 'วิษณุ' นั่งประธานเยียวยาเหยื่อกราดยิงโคราช ด้านส.ส.โคราช เพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามข้องใจเหตุทหารกราดยิง กองทัพไร้แผนป้องกัน ในหลวงทรงมีพระราชกระแสถึงประชาชนชาวไทยแสดงความเสียพระราชหฤทัย ขณะที่ ยธ.อนุมัติจ่ายเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง 27 ศพ ผู้ว่าฯโคราชเผยยอดบริจาคกว่า 40 ล้าน เล็งช่วยเหยื่อกราดยิงโคราช รายละ 1 ล้าน


ภาพจากสำนักข่าวไทย

 

เซ่นพิษกราดยิง บิ๊กแดงไฟเขียวมทภ.2สั่งย้าย พ.อ.-พ.ท.พัวพันทุจริต ร.23พัน3

12 ก.พ. 2563 จากกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้แถลงข่าวกรณีเหตุโคราชพร้อมระบุ ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ ผู้พันถึงนายพลจะไม่มีงานทำหากมีความไม่เหมาะสมและเกี่ยวพันเรื่องทุจริตและไม่แก้ไขปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชา ปรากฎว่า ผบ.ทบ.ได้รับรายงานและข้อมูลว่า พ.อ.และ พ.ท.ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกกล่าวหาพัวพันเรื่องทุจริตไม่จ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ (ผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์) จึงมีคำสังให้ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ดำเนินการ โดยมีคำสั่งให้ พ.อ.อุทัย แฝงกระโทก หัวหน้ากองกองยุทธยุทธการ (หก.กยก.) มณฑลทหารบกที่ 25 อดีตผู้บังคับกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 23(ผบ.ร.23 พัน 3) ย้ายมาช่วยราชการที่ กองกิจการพลเรือน(กกร.ทภ.2) กองทัพภาคที่ 2 และ พ.ท.ที เพิ่มพล ผบ.ร.23 พัน 3 ย้ายมาช่วยราชการที่ กองกำลังพลทัพภาคที่ 2 (กกพ.ทภ.2) โดยให้พ.อ.ศิริศักดิ์ บูรณ์เจริญ หัวหน้ากองกองข่าว(หก.กขว.มทบ.25 รักษาราชการแทน หก.กยก.มทบ.25 และให้ พ.ท.พงษ์พัฒน์ เตือนขุนทด หัวหน้าฝ่ายกำลังพล(หน.ฝกพ.) กองพลทหารราบที่ 6 รักษาราชการแทน ผบ.ร.23 พัน 3 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ลงวันที่้ 12 กุมภาพันธ์

ที่มา: มติชนออนไลน์

 

“วิษณุ” นั่งประธานเยียวยาเหยื่อกราดยิงโคราช

12 ก.พ. 2563 นฤมล ภิญโญสินวัตร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการติดตามมาตรการเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ นอกเหนือจากการสำรวจสิทธิ์พึงได้ตามกฎหมายปกติของกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง สำหรับข้าราชการและประชาชน รวมถึงกระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม รวมถึงมาตรการอื่น ๆ จากทุกกระทรวงเพิ่มเติม อาทิ ทุนการศึกษา การจ้างงาน การเยียวยาผลกระทบทางด้านจิตใจ โดยกรมสุขภาพจิต

นฤมลกล่าวว่า สำหรับกรอบมาตรการช่วยเหลือ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 2.มาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ 3.มาตรการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน และ 4.มาตรการเยียวยาและลดผลกระทบของผู้ประกอบการ

“ท่านนายกฯ เน้นให้ออกมาตรการออกมาเป็นแพ็กเกจเพื่อดูแลให้ครบถ้วน รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ภาคเอกชน อาทิ ธนาคารพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กำลังหารือเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ”

สำหรับคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา มีวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เตรียมสนอนายกรัฐมนตรีลงนามเพื่อประชุมต่อไป

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ส.ส.โคราช เพื่อไทย ตั้งกระทู้ถาม ข้องใจเหตุทหารกราดยิง กองทัพไร้แผนป้องกัน

12 ก.พ. 2563 การประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่รัฐสภา ประเสริฐ จันทรทรวงทอง ส.ส.เพื่อไทย นครราชสีมา ตั้งกระทู้สดทวงถามถึงเหตุกราดยิงที่โคราชต่อสภาว่า เป็นเวลา 17 ชั่วโมง เป็นเวลาที่ยาวนาน อาจจะเกิดเพราะคนร้ายมีอาวุธสงคราม และความหละหลวมของกองทัพ โดยนายกฯได้เดินไปหลังเหตุการณ์สงบ แต่ทั้งที่ควรจะเดินทางไปบัญชาการด้วยตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อไปถึงมีกิริยาไม่เหมาะสม ทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ตต่อไปประชาชน ทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งเกิด และกองทัพไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา โดยตั้งข้อสงสัย เหตุใดภาคราชการไม่มีการแจ้งเตือน แต่กลับเป็นประชาชนต้องอาศัยช่องข่าวเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ 2.ครอบครัวผู้เสียหายไม่รู้จะแจงเหตุที่ใด หากแก้ไขโดยเร็วประชาชนจะไม่ล้มตายเป็นจำนวนมาก คำถามที่ 1. ทำไมรัฐบาลไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะจะทำให้ทหารออกมาปราบปรามช่วยเหลือประชาชนได้ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นกลางเมืองและมีประชาชนสูญเสียจำนวนมาก นายกฯประเมินสถานการณ์ผิด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องอาชญากรรมธรรมดา และมอบหมาย ผบ.ตร.เพราะเห็นว่าเป็นการทำผิดอาชญากรรม และไม่ได้เดินทางไปดูด้วยตนเอง จึงประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ขณะที่คนร้ายยิงสนั่นในกองทัพแต่ไม่มีการแจ้งเตือน

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นตอบกระทู้ว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้มาตอบคำถาม โดยขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยขอตอบถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีขั้นตอน โดยพิจารณาแล้วว่าให้ ผบ.ตร.เป็น ผบ.เหตุและรายงานสถานการณ์นายกฯ ตลอดและได้รับคำสั่งเตรียมกำลังให้พร้อมหากต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ขณะเดียวกันได้ประเมินหากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะมีผลกระทบตามมา ประเสริฐ ลุกขึ้นถามต่อว่า พล.อ.ชัยชาญ ตอบไม่ตรงคำถาม ขอถามต่อว่า ใครต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ และมีความขัดแย้งเจ้านายกับลูกน้องมีความเหลื่อมล้ำในการบริหารที่ดินกองทัพ ขาดความรัดกุมดูแลอาวุธ ขณะที่ ผบ.ทบ.ออกมาแถลงข่าวเป็นเพียงออกมาขอโทษไม่ใช่แสดงความรับผิดชอบ ยังไม่เพียงพอ หากเป็นประเทศอื่นเขาลาออกไปตั้งนานแล้ว

ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญลุกขึ้นชี้แจงว่า หลังเกิดเหตุได้ตั้งกรรมการสอบสวนทั้งหมด ใครผิดต้องดำเนินการ ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ มีการจัดเวรยาม 24 ชม. แต่ผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลและเคยเป็นกองรักษาการณ์จึงรู้ทุกอย่าง และมีทักษะในการใช้อาวุธค่อนข้างสูง ประเสริฐ ได้กระทู้ถามต่อว่า ผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจะฟ้องร้องใครได้ ด้าน พล.ชัยชาญตอบว่า ยืนยันมีระบบดูแลคลังอาวุธรัดกลุ่ม โดย ผบ.ทบ.และกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้เพิ่มมาตรการมากขึ้น ขณะที่หากเกิดสถานการณ์รุนแรงต้องมีการรับรู้ข้อปฏิบัติอย่างไร ส่วนการฟ้องร้องอยู่ในคดีแพ่ง ต้องดูข้อกฎหมาย

ที่มา: มติชนออนไลน์

 

ในหลวง มีพระราชกระแส ถึงประชาชนชาวไทย กรณีเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแส ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัย ถึงประชาชนชาวไทย กรณีเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช

อีกทั้งทรงพระราชทานพระราชกระแส ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัย ในเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ชื่นชมเจ้าหน้าที่ จิตอาสาฯ และเห็นใจผู้ตกอยู่ในเหตุการณ์ ความว่า

ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ที่ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในประเทศของเรา ที่จังหวัดนครราชสีมา นับแต่บ่ายวันเสาร์ ที่ 8 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 อันทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้รับอันตราย ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต

ความสูญเสียในครั้งนี้ ได้สร้างความสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวงให้แก่ข้าพเจ้าและพระราชินี ด้วยเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ทั้งเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดจากการกระทำอันโหดร้ายเกินกว่าผู้ใดจะคาดคิด ต่อชาวไทยด้วยกันอันเป็นทั้งเพื่อนมนุษย์และเพื่อนร่วมชาติ

ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้ที่ต้องประสบความสูญเสีย และเห็นใจ ชื่นชมผู้ตกอยู่ในเหตุการณ์ ที่ต่างมีความอดทนเข้มแข็ง ตลอดจนช่วยเหลือและเกื้อกูลกัน ในยามคับขัน จนสามารถรอดพ้นอันตรายได้ ทั้งขอยกย่องผู้มีส่วนคลี่คลายสถานการณ์ครั้งนี้ทุกคนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตารวจ ทหาร คณะกรมการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร มูลนิธิ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตารวจและทหาร ซึ่งนอกจากจะต้องมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและเสียสละชีวิตอุทิศตนอย่างสูงแล้ว ยังได้แสดงถึงความสันทัดช่ำชองในการปฏิบัติหน้าที่และการให้ความสาคัญอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตความปลอดภัยของผู้ที่ตกอยู่ในอันตราย

ความร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกคนทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนทุกคนที่ได้ให้ ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อทางการและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะกระทำได้ต่อผู้ที่บาดเจ็บและได้รับอันตราย ได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อเพื่อนมนุษย์และเพื่อนร่วมชาติ พร้อมทั้งพลังความสามัคคีซึ่งเป็นคุณธรรมอันสูงส่ง ข้าพเจ้าและพระราชินีเชื่อมั่นว่า เราชาวไทยทุกคน สามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงครั้งนี้ไปได้ ด้วยความมีสติ มีปัญญา และสามัคคี ตลอดจนด้วยความเสียสละเพื่อความผาสุข สงบ เรียบร้อยของส่วนรวมและประเทศชาติ

11 กุมภาพันธ์ 2563

 

 

ยธ.อนุมัติจ่ายเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง 27 ศพ

12 ก.พ. 2563 เรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประจำจังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ 2/2563 ซึ่งมี จรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน ว่า สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คนร้ายก่อเกตุกราดยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่จ.นครราชสีมา และหลบหนีเข้าไปในห้างเทอร์มินัล 21 โคราช ทำให้มีเหยื่อเสียชีวิต จำนวน 29 ราย และบาดเจ็บ จำนวน 58 ราย จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายตามสิทธิที่พึงได้รับอย่างเต็มที่

อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวอีกว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติเงินเยียวยาแก่เหยื่อผู้เสียชีวิต จำนวน 27 ราย เป็นเงิน 2,940,000 บาท และสั่งชะลอเรื่อง 2 ราย ในส่วนของผู้บาดเจ็บ เนื่องจากแต่ละรายยังมีอาการบาดเจ็บและอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ต้องคำนวณความร้ายแรงหรือจำนวนวันที่ต้องรักษาตัว ซึ่งแต่ละรายจะได้รับการช่วยเหลือที่แตกต่างกัน

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

 

คนไทย บริจาคแล้วกว่า 40 ล้าน เล็งช่วยเหยื่อกราดยิงโคราช รายละ 1 ล้าน

12 ก.พ. 2563 วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชน เบื้องต้นได้มอบเงินให้กับครอบครัวผู้บาดเจ็บรายละ 100,000 บาท หลังจากก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้ทยอยมอบเงินให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้วรายละ 300,000 บาท

สำหรับเงินเยียวยาที่มอบให้กับทายาทผู้เสียชีวิต เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากประชาชน และภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดเซฟวัน ชื่อบัญชี ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเทอร์มินอล 21 โดยจังหวัดนครราชสีมา หมายเลขบัญชี 678-9-97951-4

วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุด จนถึงขณะนี้มียอดเงินบริจาคเข้ามาแล้วจำนวนกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าหากยอดเงินบริจาคถึง 50 ล้านบาทก็จะปิดบัญชีทันที โดยจะนำเงินบริจาคไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท และมอบให้กับผู้ที่บาดเจ็บสาหัสรายละ 1 แสนบาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายอื่นๆ ก็จะดำเนินการมอบให้ตามสัดส่วนความเหมาะสม ทั้งนี้ เมื่อปิดรับเงินบริจาคแล้ว ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการมอบเงินบริจาคทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ อย่างโปร่งใส

ส่วนผู้บาดเจ็บ และครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับมอบเงินนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบทายาทโดยชอบธรรม และจะเร่งดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือ โดยทางคลังจังหวัดนครราชสีมาจะโอนเงินไปยังคลังจังหวัดที่ผู้เสียชีวิตแต่ละรายมีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ นำเงินช่วยเหลือไปมอบให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตต่อไป

ภัทราพร ปัญญเสถียร ผู้บาดเจ็บ หนึ่งในผู้รอดชีวิต ซึ่งขณะเกิดเหตุติดอยู่บริเวณชั้น LG ภายในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งเป็นบริเวณชั้นเดียวกับที่คนร้ายอยู่ ได้เปิดเผยถึงห้วงเวลาที่ต้องหลบซ่อนตัวไม่ให้คนร้ายเห็น โดยต้องติดอยู่ตรงจุดนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุนานกว่า 9 ชั่วโมง ก่อนจะหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net